บันเทิง

“ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน"

“ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน"

02 ก.ย. 2554

“ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน”:มองโลกแบบวิกรม โดย... วิกรม กรมดิษฐ์

          ประเทศเรามีพื้นที่ติดกับพม่า  ลาว  กัมพูชา  เวียดนาม  และมาเลเซีย  ซึ่งมีพื้นที่กว่า 2ล้านตารางกิโลเมตร  และมีประชากรกว่า 200 ล้านคน  ตอนนี้ประเทศไทยมีการค้าระหว่างชายแดนประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ของการค้าทั้งหมด  หลายปีที่ผ่านมาการค้าระหว่างพม่า  และกัมพูชาไม่ราบรื่นเท่าที่ควร  บางครั้งมีความขัดแย้งกัน  และถึงขั้นจบลงด้วยการรบพุ่งกันทีเดียว 
 
          แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า  หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะเกิดเขตการค้าเสรีอาเซียนขึ้นมา   นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  ให้ภูมิภาคมีการค้าการลงทุนกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  หากประเทศไทยเราสามารถสร้างความร่วมมือ   ความใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านได้  ผมเชื่อว่าเราจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล  วันนี้หรือในอนาคตสินค้าอะไรที่ประเทศไทยผลิตได้  เราสามารถที่จะขายให้เพื่อนบ้านได้ทุกอย่าง   ในขณะเดียวกันสินค้าที่เพื่อนบ้านของเราผลิตได้  เราก็สามารถซื้อได้เช่นกัน  ถือว่าwin-win ทั้งหมด  ฉะนั้น จึงสำคัญมากที่เราจะต้องมีความระมัดระวัง  ในเรื่องการพูดการเสนอข่าวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านเราในทางลบ 
 
          ผมได้มีโอกาสเดินทางไปในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงกับกองคาราวานท่องลุ่มน้ำโขงเมื่อเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา    ผมเดินทางเข้าไปในประเทศลาว  และได้ฟังคนลาวพูดถึงคนไทยว่า  คนลาวมีความรู้สึกว่าคนไทยไม่ค่อยให้เกียรติเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศลาว  ทำให้ลาวเกิดความห่างเหินจากคนไทยมากขึ้น  การใกล้ชิดกันย่อมทำให้เกิดการทำธุรกิจการค้าร่วมกัน  ซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่ง
 
          วันนี้การเงินการธนาคารของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรปกำลังมีปัญหา  และดูท่าจะลุกลามไปสู่ขั้นวิกฤติ    คล้ายกับเศรษฐกิจของไทยปี 2540 ทีเดียว  และหากเกิดขึ้นจริงย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยอย่างมาก  เพราะกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยนั้นต้องอาศัยการส่งออก  และตลาดอเมริกากับตลาดยุโรปก็มีขนาดใหญ่มาก   เรียกว่าครึ่งหนึ่งของGDPของโลก
 
          ฉะนั้น การที่จะสร้างตลาดใหม่กับประเทศเพื่อนบ้านของเราจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก  ที่จะเอามาทดแทนตลาดของสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่กำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ 
 
          ผมเชื่อว่าหลังปี 2558  ทั้งภูมิภาคจะสามารถรวมตัวกันเป็นเขตการค้าเสรีอาเซียน  ส่งผลให้ภูมิภาคนี้มีอัตราส่วนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ  เรียกว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งประเทศไทยจะมองข้ามไปไม่ได้
 
          ทางกระทรวงกลาโหมมีการแถลงข่าวถึงความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา  เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่เราเคยมีปัญหาถึงขั้นรบพุ่งกันมา  กระทรวงกลาโหมกำลังคุยถึงเรื่องการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง  เป็นสิ่งที่ดีมาก  ผมได้มีโอกาสฟังข่าวว่าพลเอกยุทธศักดิ์  ศศิประภา  รัฐมนตรีกลาโหมของเรากล่าวว่า  ทางกัมพูชามีความสนใจที่จะเจรจา  เพื่อหาทางไปสู่การยุติปัญหาที่เราเคยมีกัน 
 
          หากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก  เพราะชาวกัมพูชาจะหันกลับมาซื้อสินค้าไทยเรามากขึ้น  การปิดด่านทำให้คนกัมพูชาหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนามหรือจีนมากขึ้น  หากรัฐมนตรีกลาโหมของเราทำสำเร็จ  ผมคิดว่ามีแต่ win-win ด้วยกันทั้งสิ้น