
ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน"
ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน:มองโลกแบบวิกรม โดย... วิกรม กรมดิษฐ์
ประเทศเรามีพื้นที่ติดกับพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งมีพื้นที่กว่า 2ล้านตารางกิโลเมตร และมีประชากรกว่า 200 ล้านคน ตอนนี้ประเทศไทยมีการค้าระหว่างชายแดนประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ของการค้าทั้งหมด หลายปีที่ผ่านมาการค้าระหว่างพม่า และกัมพูชาไม่ราบรื่นเท่าที่ควร บางครั้งมีความขัดแย้งกัน และถึงขั้นจบลงด้วยการรบพุ่งกันทีเดียว
แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า หากไม่มีอะไรผิดพลาดจะเกิดเขตการค้าเสรีอาเซียนขึ้นมา นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ให้ภูมิภาคมีการค้าการลงทุนกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากประเทศไทยเราสามารถสร้างความร่วมมือ ความใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ผมเชื่อว่าเราจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล วันนี้หรือในอนาคตสินค้าอะไรที่ประเทศไทยผลิตได้ เราสามารถที่จะขายให้เพื่อนบ้านได้ทุกอย่าง ในขณะเดียวกันสินค้าที่เพื่อนบ้านของเราผลิตได้ เราก็สามารถซื้อได้เช่นกัน ถือว่าwin-win ทั้งหมด ฉะนั้น จึงสำคัญมากที่เราจะต้องมีความระมัดระวัง ในเรื่องการพูดการเสนอข่าวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านเราในทางลบ
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงกับกองคาราวานท่องลุ่มน้ำโขงเมื่อเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา ผมเดินทางเข้าไปในประเทศลาว และได้ฟังคนลาวพูดถึงคนไทยว่า คนลาวมีความรู้สึกว่าคนไทยไม่ค่อยให้เกียรติเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศลาว ทำให้ลาวเกิดความห่างเหินจากคนไทยมากขึ้น การใกล้ชิดกันย่อมทำให้เกิดการทำธุรกิจการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้การเงินการธนาคารของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรปกำลังมีปัญหา และดูท่าจะลุกลามไปสู่ขั้นวิกฤติ คล้ายกับเศรษฐกิจของไทยปี 2540 ทีเดียว และหากเกิดขึ้นจริงย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยอย่างมาก เพราะกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยนั้นต้องอาศัยการส่งออก และตลาดอเมริกากับตลาดยุโรปก็มีขนาดใหญ่มาก เรียกว่าครึ่งหนึ่งของGDPของโลก
ฉะนั้น การที่จะสร้างตลาดใหม่กับประเทศเพื่อนบ้านของเราจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่จะเอามาทดแทนตลาดของสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่กำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ผมเชื่อว่าหลังปี 2558 ทั้งภูมิภาคจะสามารถรวมตัวกันเป็นเขตการค้าเสรีอาเซียน ส่งผลให้ภูมิภาคนี้มีอัตราส่วนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เรียกว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งประเทศไทยจะมองข้ามไปไม่ได้
ทางกระทรวงกลาโหมมีการแถลงข่าวถึงความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่เราเคยมีปัญหาถึงขั้นรบพุ่งกันมา กระทรวงกลาโหมกำลังคุยถึงเรื่องการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เป็นสิ่งที่ดีมาก ผมได้มีโอกาสฟังข่าวว่าพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีกลาโหมของเรากล่าวว่า ทางกัมพูชามีความสนใจที่จะเจรจา เพื่อหาทางไปสู่การยุติปัญหาที่เราเคยมีกัน
หากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะชาวกัมพูชาจะหันกลับมาซื้อสินค้าไทยเรามากขึ้น การปิดด่านทำให้คนกัมพูชาหันไปซื้อสินค้าจากเวียดนามหรือจีนมากขึ้น หากรัฐมนตรีกลาโหมของเราทำสำเร็จ ผมคิดว่ามีแต่ win-win ด้วยกันทั้งสิ้น