บันเทิง

ส่ำหมาแลกคุ

ส่ำหมาแลกคุ

17 ส.ค. 2554

ส่ำหมาแลกคุ:คมเคียวคมปากกา โดย... บรรณวัชร

          ข่าวใหญ่ที่สร้างความหดหู่ใจให้แก่คนรักสัตว์ คือ กรณีการตรวจยึดสุนัขกว่า 2,000 ตัว ที่ อ.นาทม และ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซึ่งกำลังเตรียมลงเรือในพื้นที่ อ.บ้านแพง ส่งไปขายต่อที่เวียดนาม
 
          จริงๆ แล้ว การลักลอบส่งสุนัขไปขายเวียดนาม ดำเนินการมานานแล้ว โดยผ่านชายแดนด้าน จ.นครพนม จึงทำให้มี "คอกสุนัข" จำนวนในพื้นที่ดังกล่าว
 
          ผู้ประกอบการส่งออกสุนัขจำนวนหนึ่งอยู่ในบ้านท่าแร่ จ.สกลนคร โดยจะนำรถออกตระเวนรับซื้อ หรือนำถังน้ำ กะละมัง หรือสิ่งของเครื่องใช้ไปแลกสุนัขตามต่างอำเภอ หรือจังหวัดใกล้เคียง แล้วนำมาเก็บไว้ในคอก เพื่อเตรียมการส่งออก
 
          พูดถึง "ท่าแร่" ตำบลแห่งนี้ เป็นแหล่งชำแหละเนื้อสุนัขใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งในปัจจุบันเหลือ "เขียงขายเนื้อสุนัข" เพียง 2-3 ร้าน นัยว่า อาชีพนี้กำลังจะหมดไปในไม่ช้า เนื่องจากปัญหาสำคัญที่อาจส่งผลให้ต้องเลิกกิจการขายเนื้อสุนัข
 
          เดิมชาวท่าแร่ จำหน่ายเนื้อสุนัข โดยจะชำแหละแล้วตากแห้ง ส่งไปขายกรุงเทพฯ วันละ 1 ตัน ช่วงหลังประเทศเพื่อนบ้านรับซื้อสุนัขตัวเป็นๆ ชาวบ้านจึงเลิกชำแหละเนื้อ และหันไปส่งนอกแทน
 
          จำได้ว่า เคยมีเพลง "หมาแลกคุ" ที่ขับร้องโดยศิลปินอิสระ บอกเล่าเรื่องการค้าขายเนื้อสุนัขที่สกลนคร โดยผู้แต่งพยายามอธิบายให้เข้าใจว่า หมาที่มีการแลกด้วย "คุ" หรือถังน้ำพลาสติกนั้น เป็นหมาจรจัด หมาเกเรชอบกัดเป็ดกัดไก่
 
          "ผมนั้นเป็นคนย้อ รูปบ่หล่อ แต่บ้านอยู่ภูพาน ตำนานสกลกินหมา ไผสิเว้าไผสิว่า กะซ่างหัวมัน..."
 
          คำว่า "คนย้อ" หมายถึงชาวไทยย้อ ที่เป็นคนพื้นถิ่นส่วนใหญ่ของสกลนคร แต่คนบ้านท่าแร่นั้น เป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งทั้งคนย้อและคนเวียดนามอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานแถวที่ราบลุ่มภูพานนานนับร้อยๆ ปีแล้ว
 
          น้ำเสียงของเพลง "หมาแลกคุ" ดูจะไม่พอใจที่คนภายนอกเหมารวมว่า "คนสกลกินหมา" ทั้งที่เป็นการบริโภคของคนกลุ่มหนึ่ง
 
          แต่เชื่อว่าคนรักสัตว์จะไม่ชอบเพลงนี้ เนื่องจากคำร้องที่ไม่ได้คัดค้านหรือเสนอทางออก กลับแค่บอกเล่าเรื่องขบวนการจับหมาไปขายแทน แถมยังเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน
 
          จะว่าไปแล้ว คนสกลนครจำนวนไม่น้อย ก็เห็นการค้าขายเนื้อสุนัขเป็นเรื่องปกติ เพราะมันทำมากว่า 50-60 ปีแล้ว จึงมีนักวิชาการท้องถิ่นได้อธิบายให้เห็นว่า "ปรากฏการณ์หมาแลกคุ" เป็นเรื่องของการกำจัดหมาที่เป็นภัยแก่สังคม เพื่อลดแรงต่อต้านจากคนภายนอก
 
          นอกจากนี้ยังมีการนำวลี "หมาแลกคุ" ไปใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบในบทเพลงที่มีเนื้อหาวิจารณ์ผู้หญิงหลายใจ ทำนองว่า "ส่ำเธอหมาแลกคุ" หรือเธอน่ะหรือ มีค่าเท่าเทียบกับหมาแลกถังน้ำเท่านั้น
 
          หลายปีก่อน ก็มีเพลงแนวลำซิ่ง "จับผัวแลกคุ" ร้องโดย อุไร ปุยวงศ์ ที่ประชดประชันผัวไม่เอาไหน ก็จับมาขังไว้แลกคุ
 
          "ฟังเอาไว้จับมาแลกคุ แบ่งแยกตามเกรดคือกัน ขี้เหล้าเอาไปคุใหญ่ ตั้งสองใบแถมให้หนึ่งร้อย เล่นไพ่เมายาคุน้อย ลงมาหน่อยตามเกรดราคา"
 
          แสดงว่า วลีหมาแลกคุเป็นที่คุ้นหูผู้คนมานาน จากนี้ไปน่าจะมีคนแต่งเพลงเสียดสีการเมืองไทยบ้าง โดยอาจใช้ชื่อเพลง "จับผู้แทนแลกคุ" ฟังแล้วมันสะใจดี
 
          หลายปีที่ผ่านมา มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ ว่า ส.ส.ขี้เกียจหลังยาว ไม่เข้าประชุมสภา ทำให้ "สภาล่ม" อยู่บ่อยครั้ง
 
          ถ้า ส.ส.คนไหนไม่เข้าประชุมสภา สมควรที่จะจับมาขังไว้รอแลกคุ...น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า