บันเทิง

รักและชัง...ใน "นเรศวร 4

รักและชัง...ใน "นเรศวร 4

17 ส.ค. 2554

รักและชัง...ใน "นเรศวร 4:มองผ่านเลนส์คม โดย... นันทพร ไวศยะสุวรรณ์

          10 ปีกับการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร"...
 
          และนับตั้งแต่ภาคแรก จนถึงภาค 4 ที่กำลังลงโรงในขณะนี้ บทบาทสำคัญของนักแสดงนำอย่าง "ผู้พันเบิร์ด" พ.ท.วันชนะ สวัสดี กลับมีบาง
มุมที่เปลี่ยนไป
 
          ผู้พันเบิร์ด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "แมงโก้ คาเฟ่" ว่า เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง" เป็นการทำงานที่ผูกพันกับทีมนักแสดงด้วยกันมากซะยิ่งกว่าความสำคัญด้านการแสดงที่รักษามาตรฐานและคุณภาพที่มีไว้เดิมอยู่แล้ว
 
          การได้พบกับนักแสดงรุ่นครู อย่างถนอม นวลอนันต์ มานพ อัศวเทพ สรพงศ์ ชาตรี กรุงศรีวิไล นก ฉัตรชัย เพราะเป็นคนรุ่นเก๋าที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ และหาตัวได้ยาก
 
          นั่นเป็นความสุขของผู้พันเบิร์ดยามที่ไม่ได้รับหน้าที่ทหาร
 
          หันมาคุยด้านสาระของภาคนี้บ้าง 
 
          วันก่อนผู้พันเบิร์ด ควงคู่มากับ "ตั๊ก" นภัสกร มิตรเอม ที่เป็นมหาอุปราช คู่อริของพระนเรศมาที่แมงโก้ ทีวี   
 
          ทั้งสองคนช่วยกันเล่าถึงธีมของภาคล่าสุดอย่างน่าสนใจ
 
          ที่ผ่านมา ตำนานสมเด็จพระนเรศวร สะท้อนภาพเหตุแห่งสงคราม การรบ ความกล้าหาญ การเสียสละ ความเป็นผู้นำ ฯลฯ
 
          แต่สำหรับภาคนี้ นำเสนอในแง่มุมของความเป็นมนุษย์มากขึ้น
 
          ที่สำคัญได้เห็มปมของปัญหาต่างๆ อย่างชัดเจนด้วย อย่างฝั่งของพม่า เราเห็นถึงความขัดแย้งในครอบครัว ที่ทั้งกดขี่และไม่ไว้วางใจสายเลือดของตัวเอง นับตั้งแต่ยุคของพระเจ้าบุเรงนอง สู่รุ่นของนันทบุเรง จนถึงรุ่นของมหาอุปราช
 
          ยิ่งมาต้องเปรียบเทียบกับฝีมือของพระองค์ดำ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงการขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน ยิ่งกดดันและโกรธแค้นทับยิ่งทวีคูณ 
 
          เป็นปัญหาที่เริ่มมาจากครอบครัว และฝังความเคียดแค้นไว้จนลึกสุดใจ 
 
          จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลี้ยงดูของครอบครัวผลักดันมาสู่มหาสงครามครั้งใหญ่!!
 
          ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจ คือหนังยังฉายภาพของ "อิทธิพลของสุภาพสตรีหลายคน" ในยุคนั้น
 
          เพราะไม่ว่าชายชาติทหารที่มีความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวสักปานใด แต่ใช่หรือไม่ว่าความนุ่มนวลอ่อนหวานของอิสตรี เป็นส่วนสำคัญที่นำมาซึ่งความเป็นมหาราชอย่างสมบูรณ์
 
          ซึ่งนั่นเกิดจากความรัก...
 
          พระนเรศวรในภาคนี้ จึงเปี่ยมไปด้วยเลือดเนื้อของปุถุชน ที่มีทั้งความทุกข์ เศร้า โกรธ เสียใจ เจ็บปวด และรัก 
 
          "ท่านมุ้ย" ได้สอดแทรกความเป็นดราม่าในแอ็กชั่นให้จับต้องได้อย่างกลมกล่อมทีเดียว   
 
          ก่อนจะจบ ขอทิ้งท้ายว่า จากเรตติ้งของเรื่องนี้ว่า "ส.ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้ดู"  ไม่เพียงเป็นการย่อยพงศาวดารทั้งทางกว้างและลึกได้ง่ายที่สุดแล้ว...
 
          ยังเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ เพื่อวันนี้และอนาคตข้างหน้า ที่สำคัญจะได้มองคนอื่นอย่างเข้าใจ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน
 
          และท้ายที่สุดเราจะเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วย