
คนแต่ง"อย่าหลงบางกอก"ครูฉลอง วุฒิวัย เสียชีวิตแล้ว
คนแต่ง"อย่าหลงบางกอก"ครูฉลอง วุฒิวัย เสียชีวิตแล้ว
ฉลอง วุฒิวัย อดีตเจ้าของวงดนตรีฟ้าบางกอก และผู้แต่งเพลง "อย่าหลงบางกอก" เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 73 ปี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่บ้านพักใน อ.วิเศษชัยชาญ หลังภรรยาเข้าไปปลุกพบเสียชีวิตแล้ว ญาตินำศพตั้งบำเพ็ญกุศลวัดอ้อย อ่างทอง
ฉลองรัช วุฒิวัย บุตรชายคนสุดท้อง วัย 23 ปี ของครูฉลอง ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ถึงการเสียของผู้เป็นพ่อว่า
"เมื่อเช้าแม่เป็นคนเข้าไปเปิดมุ้งดูพ่อ ซึ่งเป็นประจำที่เราทำ แต่เมื่อเช้าพอแม่เปิดมุ้งดูและจับที่ตัวพ่อ ตัวเขาแข็งแล้ว ซึ่งคิดว่าพ่อคงหมดลมตอนกลางคืน ซึ่งช่วงหลังๆ พ่อจะไม่ค่อยรับรู้อะไร นอนอย่างเดียว ลุกเดินไม่ได้ แต่ยังกินอาหารได้ พ่อเขาป่วยมาเป็น 10 ปีแล้ว ตั้งแต่ผมยังเล็กๆ อยู่ ตอนนี้ผมยังไม่ได้กำหนดอะไร ต้องแล้วแต่ทางผู้ใหญ่ว่าทำอย่างไร ผมต้องรอทางคุณอาศรเทพ ศรทองด้วย เพราะที่ผ่านมาท่านดูแลพ่ออยู่"
ก่อนหน้านั้น ครูฉลอง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2551 ด้วยอาการน็อกน้ำตาลจนเกือบหมดสติ เบาหวานกำเริบ ความดันขึ้น จำอะไรไม่ได้และกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่างลำบาก มีเพียงฉลาม หรือ ฉลองรัช ลูกชายคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนนํ้า จนต้องขอลางานบริษัทเพื่อมาดูแลพ่อ จนทำให้ครอบครัวขาดรายได้ ต่อมามูลนิธิศรเทพศรทอง (ลูกทุ่งแห่งประเทศไทย) ได้มอบเงินยังชีพให้เดือนละ 3,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี และเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ในงานกตัญญูครูเพลง "ชาญชัย บัวบังศร" เชิงชาย บัวบังศร บุตรชายของครูชาญชัย ได้มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้แก่ฉลองรัช วุฒิวัย เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในงานคืนนั้นคนในวงการทราบข่าวกันบ้างแล้วว่า ครูฉลองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 45 วัน และครูฉลองก็จากไปหลังจากงานนั้นผ่านมา 40 วัน
ประวัติของครูฉลอง วุฒิวัย เป็นนักแต่งเพลง นักดนตรี นักร้อง นักแสดง โดยใช้นามแฝงมากมาย เช่น ชาย ชวนชม เชย คิงส์โพธิ์ดำ มีความสามารถทางดนตรีไทยจนได้รับฉายาว่า "ขลุ่ยทิพย์" สามารถใช้จมูกเป่าขลุ่ยแทนปากได้ และมีความสามารถด้านดนตรีสากลอีกด้วย โดยมีผลงานเพลงมาร์ชกองบัญชาการทหารสูงสุด มาร์ชประจำอำเภอวิเศษชัยชาญ และในปี 2511 ครูเคยได้รับพระราชทานเหรียญทองจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครูฉลองแต่งให้นักร้องลูกทุ่งราว 100 เพลง โดยไม่ได้จดลิขสิทธิ์ หรือเรียกร้องค่าตอบแทน
ครูฉลองเคยรับราชการทหารอากาศ และได้ตั้งวงดนตรีเริงนภา "ฟ้าบางกอก" ซึ่งนักดนตรีทุกคนที่เป็นทหารอากาศจะแสดงดนตรีพร้อมกับเล่นกายกรรมไปด้วย หลังจากนั้นได้ยุบวงดนตรี เพราะติดระเบียบราชการ และไปสมัครอยู่กับวงดนตรีจุฬารัตน์ ครูฉลองถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เด่น ดวงดี ส่วนนักร้องชื่อ มิตร ไมตรี ที่เป็นศิษย์เอกก็ยกให้ ครูมงคล อมาตยกุล แล้ว และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โฆษิต นพคุณ จนโด่งดังจากเพลง "อย่าหลงบางกอก" ซึ่งเป็นเพลงที่โด่งดังที่สุดในชีวิตของครู
เจนภพ จบกระบวนวรรณ กล่าวถึงครูฉลอง ซึ่งเคยร่วมงานกันสมัยที่ทำรายการเพลงที่ศูนย์สังคีตศิลป์ ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นงานแรกและงานเดียวที่ได้เชิญครูมาแสดงความสามารถให้ได้ชมกัน ก่อนที่ครูจะป่วยและเสียชีวิต ว่า
"มีคำพูดที่ผมนึกออกว่า นี่แหละคือครูฉลอง มีคนให้นิยามว่า "ครูเพลงผู้จริงใจจนยากจน" เป็นคนทำจริงไม่หวังผลตอบแทน คำว่า พี่มีแต่ให้ น้อยเกินไปสำหรับครูท่านนี้ ท่านให้จนไม่เหลืออะไร ถ้าให้ผมตั้งฉายา ผมว่า ครูคือ เวสสันดรลูกทุ่ง จะมีสักกี่คนไปช่วยงานศพโดยไม่คิดค่าตัว แถมยังเรี่ยไรเงินในวงไปช่วยเจ้าภาพอีก" อีกอย่างหนึ่งที่เขายืนยันในวงจุฬารัตน์ คือ คนเขียนโน้ตเรียบเรียงให้ครูชาย เมืองสิงห์ ในแนวลูกทุ่งพันทางจะเป็นครูฉลอง และแต่งเพลง "ตำรวจครับ" กับ "พาร์ทเนอร์ที่รัก" ให้ครูชายด้วย อีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคนได้ยินแล้วร้องไห้ คือ ครูหนีหมอออกจากโรงพยาบาลไปช่วยงานกุศล จนเป็นที่ต้องนัดกันว่า ถ้าครูป่วยอย่าให้รู้เด็ดขาด