บันเทิง

ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น ของคนสุพรรณ "เปาวลี พรพิมล"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เป็นนางเอกใหม่แกะกล่องของแวดวงบันเทิง ที่ถูกจับตามองมากคนหนึ่ง สำหรับ เปาวลี พรพิมล นางเอกจากภาพยนต์เรื่อง ”พุ่มพวง” ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทีมข่าว ”คม ชัด ลึก” มีโอกาสได้จับเข่านั่งคุยกับสาวน้อยคนนี้ ถึงเส้นทางในวงการบันเทิง ที่เธอทั้งแสดง แ

ชีวิตในวัยเด็ก
ทราบมาว่าชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ
           พอเริ่มพูดได้ ก็หัดร้องเพลงลูกทุ่ง เพราะพ่อกับแม่ฟังลูกทุ่งทุกแบบทุกแนว นักร้องคนแรกที่ชอบคือ ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพลงแรกที่ร้องได้จบเพลงคือ เพลงส้มตำ แม่เลยส่งเข้าประกวดในงาน โอท็อป บริเวณหน้าเทศบาลอำเภอด่านช้าง เข้าประกวดรุ่นอายุ 9-15 ปี ซึ่งตอนนั้น หนูเด็กสุด อายุ 9 ขวบเอง แต่ต้องแข่งกับนักร้องที่เป็นรุ่นพี่ คนตัวเล็กสุดแต่ก็ชนะ ได้ที่ 2 นะ (ยิ้ม) จากนั้นแม่ก็พาหนูเริ่มเดินสายขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง ตามที่ต่างๆ มาเรื่อยๆ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ส่วนมากจะชนะ

เคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนบ้างไหม
           ทางโรงเรียนเป็นผู้สนับสนุน และส่งเข้าประกวด ช่วงแรกๆ สำลักน้ำลายบ้าง ค่อยๆ แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อยๆ ไม่มีครูมาสอนร้องเพลง หนูจะใช้วิธีร้องไปเรื่อยๆ ร้องให้แม่ฟัง แล้วแม่ก็จะคอยติ คอยบอกว่าตรงไหน ควรจะแก้ไข ควรปรับปรุงตรงไหน นํ้าเสียงยังไม่นิ่ง แม่สอนไม่ให้กลัวคนดู มีสติมากขึ้น ลูกเอื้อนตรงนี้ยังไม่มี แม่ก็จะให้ร้องใหม่ ฝึกร้องเพลงเองอยู่ ที่ร้านขายของไม่ไปเล่นที่ไหนเลย เพราะเราอยากเป็นนักร้องที่ดี เราไม่ได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นเขา การฝึกเท่านั้นจะทำให้เราพร้อมเสมอ เวลาไปประกวดกับใครก็สู้คนอื่นได้ แม่สอนให้หนูเตรียมพร้อม

มีเวทีประกวดใหญ่ๆ ที่ไหนบ้างที่ภูมิใจมากที่สุด
           ทุกเวทีเลย (หัวเราะ) งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ได้ที่ 1 ชุมทางเสียงทอง ชนะรอบสัปดาห์ ชิงช้าสวรรค์ ช่วงเสียงดีมีค่าเทอม ได้ที่ 1 ช่อง 11 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ ชนะรอบสัปดาห์ และก็คว้าไมค์คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี ได้แชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์ 


ก้าวสู่การเป็นนักร้องอาชีพ
แล้วมีใครพามาประกวดของแกรมมี่
           ไม่มีใครพามา หนูดูจากช่องเคเบิล เขามีช่องแฟนทีวี ที่ร้านเปิดดูทุกวัน เพราะเพลงเพราะดี เขามีโฆษณา ว่าจะมีการประกวดซีซั่นแรก ตอนแรกแม่หนูเขาก็ไม่รู้ว่า จะส่งมาประกวดอย่างไร เลยส่งเสียงร้องใส่เทปมาให้พี่ๆ เขาลองฟังเสียง ทีมงานฟังเขาก็เรียกหนูเข้ามาประกวดเลย  หนูเลือกร้องเพลงพี่เอิร์น เดอะสตาร์  เพลง สะดวกคุยหรือเปล่า รอบนั้นมีร้องหลายเพลง  มีเพลงคำรักโหลๆ ส่วนใหญ่เป็นเพลงพี่เขา หนูน่าจะร้องประกวดได้ง่ายกว่า เพราะศิลปินแกรมมี่โกลด์ ส่วนมากเป็นนักร้องภาคอีสาน หนูร้องภาษาอีสานไม่ได้ ไม่ถนัด หนูจึงเลือกเอาที่หนูร้องได้

คิดว่าเราจะได้ที่ 1 เหมือนเวทีอื่นๆ ไหมตอนประกวด
           ไม่คิดว่าจะได้ที่ 1 เวทีนี้ทำให้หนูได้อะไนหลายอย่างมาก เรียนรู้การทำงานเบื้องหลังเบื้องหน้าของรายการ ได้เพื่อน ได้ความสนิทคุ้นเคยกับพี่ๆ ทีมงาน ได้ประสบการณ์ การขึ้นเวทีร้องเพลง การออกทีวี การตอบสัมภาษณ์ และได้มากที่สุด คือการเป็นศิลปินที่ทางแกรมมี่มอบให้ คือเรียกว่าได้เยอะมากๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่าประกวดแล้ว จะได้มาเป็นนักร้องหรือเปล่า พอรู้ว่าชนะก็อึ้ง มาถึงจุดนี้แล้ว เร็วเหมือนกัน เหมือนฝัน ดีใจกับตัวเองที่ก้าวมาถึงจุดนี้

เห็นว่าตอนนี้ทางแกรมมี่โกลด์ กำลังทำเพลงให้อยู่ใช่ไหม
           หลังจากได้ตำแหน่งแชมป์ประมาณ 2 เดือน ทางแกรมมี่โกลด์ ก็เรียกตัวเข้ามาคุยเรื่องงานเพลง ตอนแรกจะให้ทำอัลบั้มก่อน ตั้งใจให้เสร็จปีนี้ หรือต้นปีหน้า ส่งไปเรียนเต้นเรียนร้องเพลง เรียนอะไรต่างๆ รอทำอัลบั้ม งานเพลง น่าจะเป็นแนวสนุกๆ แหวกแนวกว่าคนอื่น

เส้นทางการแสดงที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ
แล้วทำไมถึงได้มาเล่นหนังพุ่มพวง

           บังเอิญมาก ตอนที่เริ่มทำงานเพลง ก็มีหนังประวัติ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ติดต่อเข้ามาด้วย  ทางแกรมมี่โกลด์ เสนอชื่อหนูไปแคสติ้ง ไม่เคยผ่านการแสดงไม่เคยเรียนมาก่อน ตอนไปแคสติ้งวันแรก ให้บทมาลองให้เล่น เล่นตามภาษาที่หนูเข้าใจ แรกๆ เขินๆ เรื่องการร้องได้แล้ว แอ็กติ้งยังขาดอยู่ เลยส่งหนูไปเรียนการแสดงกับครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ประมาณชั่วโมงครึ่ง แล้วเริ่มเทสต์ใหม่ คราวนี้ดีขึ้น เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น จากนั้นประมาณ 2 วัน เขาก็โทรมาบอกว่า ตกลงเลือกหนูเล่นบทนางเอกหนังเรื่องนี้

ได้ข่าวว่าต้องมีการเรียนการแสดงเพิ่มอีกเยอะด้วย
           เรียนเพิ่มเยอะมาก วันหนึ่งหลายๆ ชั่วโมงอาทิตย์หนึ่งก็เรียน 6 วันเลย  ไม่เฉพาะการแสดง การเต้นก็ต้องเรียน เพราะแม่ผึ้งเป็นนักร้องที่มีลีลาการเต้นที่สวยงาม เราก็ต้องเต้นออกมาให้เหมือนที่สุด หนูไม่เคยเรียนสิ่งเหล่านี้มาเลย มันยากเหมือนกัน ได้รู้ว่ากว่าที่หนังซีนหนึ่งสั้นๆ ที่เราดู จริงๆ แล้วองค์ประกอบมันมาก ต้องมีหลายอย่างประกอบกัน โดยเฉพาะตัวคนแสดง ต้องให้ได้อารมณ์ หนูโชคดีเวลาที่ไม่เข้าใจพี่ๆ เขาก็จะแนะนำให้

ชอบเพลงเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อได้มาแสดงเป็นพุ่มพวงเกร็งไหม
           หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่า ที่นำเสนอชีวิตของแม่พุ่มพวง ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้รับบทนี้ หนูรู้สึกเกร็งมาก นอนไม่หลับ ถ้าร้องเพลงไม่กลัวเพราะหนูร้องมาตลอด แต่ให้มาแสดงเป็นแม่ผึ้ง กลัวมาก เพราะคนรักแม่ผึ้งทั้งประเทศ กลัวเราแสดงไม่ดี หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ไม่เคยผ่านงานแสดงมาเลย  เป็นการทำงานที่ยาก ด้วยความรู้สึกว่าแม่ผึ้งมีคาแรคเตอร์ที่ไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนได้ แต่พอศึกษาจริงๆ แล้ว ทำให้รู้ว่าคาแร็กเตอร์จริงๆ ของแม่ผึ้ง เป็นคนสบายๆ ไม่กลัวใคร เป็นหญิงแกร่ง

เล่นประกบกับพระเอกอย่าง ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ เป็นอย่างไรบ้าง
           เคยดูพี่ป๋อ แต่ในทีวีก็คิดว่ายากแน่ เพราะพี่เขาแสดงดี กลัวว่าเราจะทำให้คนอื่นๆ ทำงานยากขึ้น แต่พอได้มาทำงาน ร่วมกับพี่ป๋อที่เก่งอยู่แล้ว ช่วยให้หนูได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ไม่เกร็ง พี่เขาก็จะคอยสอนว่าทำยังไง การส่งต่ออารมณ์ในการแสดงช่วยหนูได้มาก หนูก็ตั้งใจมาก อยากให้งานออกมาดี  แต่ก็รอรับฟังคำวิจารณ์ ต้องมีทั้งคนติและคนชม คนชอบและไม่ชอบ แต่หนูก็พยายาม ทำให้ได้ใกล้คียง ออกมาเป็นแม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ ให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ให้เหมือนแม่ผึ้งสักครึ่งก็พอใจแล้ว

ตอนนี้ไปไหนมาไหนมีคนจำได้หรือยัง
           ได้แล้ว เพียบเลย (หัวเราะ) เขาก็จะเดินเข้ามาทัก บางคนเรียกเปาๆ  มาขอถ่ายรูป หนูไม่คิดว่าคนจะจำหนูได้เร็วขนาดนี้  เขาก็บอกว่าจะไปดูหนังนะ เป็นกำลังใจให้ ร้องเพลงเพราะมาก

วางแผนงานในวงการบันเทิงไว้จากนี้อย่างนี้
           ทางแกรมมี่โกลด์ ให้ทำอะไรหนูก็ทำหมด (หัวเราะ) การร้องเพลงเป็นความฝันที่หนูฝันมาตลอด อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ได้เป็นนักร้องอาชีพ ส่วนงานแสดงก็แล้วแต่ทางผู้ใหญ่จะให้โอกาสหนู นักร้องเดี๋ยวนี้เขาก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง เป็นทั้งพิธีกร นักแสดง 

สุดท้ายจะฝากอะไรกับคนอ่านไหม
           อยากให้ไปดูหนัง ”พุ่มพวง” กันเยอะๆ ช่วยวิจารณ์ติชมหนูได้ อยากให้หนูปรับปรุงตรงไหน หนูก็พร้อมรับฟัง แล้วอย่าลืมอัลบั้มเพลงประกอบหนังของหนูด้วย เพราะมากเลย
นับเป็นดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิง ที่น่าจับตามองไม่น้อย

เรื่อง- ภาพ ... "บุญส่ง คชเกร็ง"
   

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ