บันเทิง

คมเคียวคมปากกา - สังสันทน์ในงานศพ

คมเคียวคมปากกา - สังสันทน์ในงานศพ

11 ก.ค. 2554

ช่วงนี้คนในแวดวงลูกทุ่งมีเรื่องที่จะต้องไปงานศพกันบ่อยมาก นับจากวันพระราชทานเพลิงศพของหลวงอาพร ภิรมย์ เมื่อวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ผ่านมา

          ถัดมาวันพฤหัสบดี เป็นงานศพของนักแต่งเพลงนาม อาจินต์ นิลเพชร และเมื่อวันอาทิตย์วานนี้ เป็นงานพระราชทานเพลิงศพ เพชรรุ่ง แหลมสิงห์ ลูกชายขุนพลเพลง รุ่งเพชร แหลมสิงห์
 
          ปลายเดือนนี้จะมีงานพระราชทานเพลิงศพครูก้อง กาจกำแหง ที่วัดนาวง ดอนเมือง กรุงเทพฯ งานสำคัญของคนในวงการเพลงลูกทุ่งอีกงานหนึ่ง
 
          สิ่งที่เห็นในงานพระราชทานเพลิงศพและงานฌาปนกิจศพที่ผ่านมา มีเรื่องที่ต้องเตือนสติและให้ข้อคิดสำหรับผู้จัดงานและผู้ไปร่วมงานเพื่อให้เกิดความงดงามเรียบร้อย สมเกียรติแก่ผู้วายชนม์
 
          เรื่องแรกที่มีผู้กล่าวถึงกันไปบ้างแล้วในสื่ออื่นๆ คือ หนังสือแจกงานศพของหลวงอาพร ภิรมย์ ที่มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานไปเวียนเทียนรับหนังสือเป็นที่วุ่นวายน่าสังเวชใจ บางคนเป็นคนที่มีอาชีพนำหนังสือเหล่านี้ไปจำหน่ายหารายได้อย่างน่าอดสู
 
          คณะผู้จัดงานได้ป้องกันโดยการให้ลงชื่อไว้ก่อนเข้างานเพื่อรับคูปองไปแลกหนังสือหลังจบงาน ปรากฏว่า คนในวงการที่ควรได้รับหนังสือที่มีคุณค่าเพื่อการเผยแพร่ต่อไปนั้นกลับไม่ได้ กลายเป็นว่า นายหน้านักค้าหนังสืองานศพมาแย่งชิงตัดหน้าไปเสียก่อน
 
          น่าเห็นใจผู้จัดงานที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ใครคือตัวจริงตัวปลอมที่มาในงานพระราชทานเพลิงศพ ทางแก้ก็คือ ต้องมีผู้ที่อยู่ในวงการมานานมาช่วยคัดกรองรายชื่อผู้ที่ควรได้รับหนังสือเพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์จริงๆ หรือเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
 
          อีกเรื่องหนึ่งคือการแต่งตัวไปงานศพที่พบเห็นมาหลายงานว่า บางคนไม่ให้เกียรติเจ้าภาพหรือผู้ล่วงลับ สาวๆ บางคนแต่งตัวด้วยอาภรณ์น้อยชิ้น เปิดหลังเปิดไหล่ โชว์ร่องเนิน เคยมีบ่นมาให้ได้ยินเสมอๆ
 
          ทางด้านนักร้องได้เห็นมากับตาว่า บางคนต้องการโปรโมทตัวเอง เลือกแต่งตัวแบบที่เป็นเอกลักษณ์บนปกเทป ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่งว่า ในงานศพเช่นนี้ยังมีคนที่ต้องการโปรโมทตัวเองให้สื่อหรือแฟนเพลงรู้จัก เป็นการฉวยโอกาสแบบหน้าด้านๆ
 
          เมื่อก้าวเข้ามาในวงการแล้ว หากคิดว่า จำเป็นจะต้องไปงานเพื่อนฝูงครูบาอาจารย์ควรจะสำรองชุดสีดำ ขาวหรือน้ำเงินเข้มแบบสุภาพเอาไว้สักชุด เผื่อไว้ว่าต้องไปงานศพหรืองานที่เป็นทางการ ประเภทแว่นตาประหลาดหรือหมวกเก๋ไก๋ ควรเก็บเอาไว้ใส่ออกงานอื่น
 
          มีนักร้องรุ่นใหญ่ในวงการเคยเล่าให้ฟังว่า เขาจะติดชุดสีดำหรือน้ำเงินไว้ในรถตลอดเวลา ห้อยไว้จนแดดลามไหล่ซีดกันไปเลย เพราะเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่า ต้องเจอกับงานศพคนที่รู้จักหรือเคารพเมื่อใด
 
          และเมื่ออยู่ในงานศพไม่ว่าจะเป็นวันสวดหรือวันเผา เจอหน้าเพื่อนฝูงก็อย่าทักทายวี้ดว้ายกระตู้วู้ คุยกันโขมงโฉงเฉง ราวกับเป็นงานสังสันทน์รวมรุ่น ถ้าอยากจะคุยกันเม้าท์กันก็เชิญต่อหลังงานเลิกดีกว่า
 
          บางงานอาจจะมีการแสดงหรือร้องเพลงหน้าศพ ซึ่งก็ต้องพึงระวังสำรวมกิริยา อย่ากระดี๊กระด๊าเกินเหตุ บางคนหลงลืมตัวนึกว่าอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต หน้าตาระรื่น โฆษกเองก็ไม่ควรจะพูดจาทำตลกหรือขอเสียงปรบมือบ่อยจนเกินความจำเป็น
 
          ที่จริงมารยาทต่างๆ เหล่านี้ คนในวงการส่วนใหญ่โตๆ กันแล้วไม่น่าจะต้องสอนกันเลย ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นงานของญาติเราแล้วมีคนมาทำกิริยาทรามๆ เราจะรู้สึกอย่างไร
 
          ก็ฝากกันไว้ให้คิด เพราะนับจากนี้ไป เราคงต้องมีภารกิจเกี่ยวกับเรื่องความแก่ เจ็บตายในวงการกันมากขึ้นแล้ว เหมือนกับเป็นต้นไม้ที่ผลัดใบเปลี่ยนถ่ายสู่คนรุ่นใหม่
 
          อย่าให้ผู้หลักผู้ใหญ่เขาว่าได้ว่า เด็กสมัยนี้พ่อแม่ไม่อบรมสั่งสอน เดือดร้อนไปถึงชาติตระกูลกันไปอีก

"เคียวจันทร์ คว๊านใจ"