บันเทิง

Transformers :Dark of the Moon

Transformers :Dark of the Moon

07 ก.ค. 2554

ดูเหมือนว่าหนังมหากาพย์สงครามหุ่นยนต์ ‘Transformers’ จำนวนภาคต่อยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ เนื้อหาเรื่องราวก็ดูจะยิ่งเลอะเทอะมากขึ้นเท่านั้น รวมถึงปริมาณฉากแอ็กชั่นที่พุ่งสูงปริ่มคอหอย ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังแนวนี้อย่างแน่นอน

           ด้วยความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง เนื้อหาเรื่องราวดำเนินไปบนพล็อตหนังที่ออกจะสะเปะสะปะ นอกจากฉากแอ็กชั่นทำลายล้างมากมายที่ถาโถมเข้าใส่คนดูเกือบทุกๆ 3 นาที หลายๆ ฉากยังถูกออกแบบมาให้ละม้ายใกล้เคียงกับมิวสิกวิดีโอหรือไม่ก็หนังโฆษณา อาทิ ฉากเปิดตัวแฟนสาวของ ‘แซม วิทวิคกี้’ (ที่เปลี่ยนตัวนักแสดงจาก เมแกน ฟ็อกซ์ เป็นโรซี่ ฮันติงตัน ไวท์ลีย์) ที่มายืนโพสท่าด้วยลีลานางแบบประกอบเพลง หรือฉากเปิดตัวพระเอกหนุ่มฝ่ายทหารก็ตาม

          หนังเปิดเรื่องโดยย้อนกลับไปในยุค 60’s ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่สหรัฐอเมริกา ส่งมนุษย์อวกาศไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ซึ่งในระหว่างขาดการติดต่อสื่อสารจากหอควบคุมกับยานอวกาศไม่กี่นาที หนังก็สร้างปมด้วยการให้นักบินอวกาศออกสำรวจยานประหลาดที่ตกลงกลางดวงจันทร์ พร้อมนำวัตถุลึกลับติดมือกลับมา อันนำมาซึ่งเรื่องราวพิลึกพิลั่นที่เกิดขึ้นทั่วโลกในอีกหลายปีถัดมา จนเหล่าฮีโร่มนุษย์หุ่นยนต์ต้องออกมาปกป้องโลกอีกครั้ง

          แม้หนังจะกะพร่องกะแพร่งเรื่องบท แต่ความโดดเด่นในเรื่องของเทคนิคพิเศษ การถ่ายทำ รายละเอียดของฉากต่อสู้ ไล่ล่า ระหว่างหุ่นยนต์-หุ่นยนต์, หุ่นยนต์-คน หนังทำได้ตื่นตาตื่นใจ กระตุ้นเร้าชวนให้ติดตาม เวลากว่า 157 นาที ผ่านไปโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย

          นอกจากทำรายได้ถล่มทลายทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก กระแส ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 3’ ในเมืองไทยก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ตั้งแต่เปิดตัวแค่วันแรกก็ทำรายได้สูงเกือบ 30 ล้าน จนครองแชมป์หนังเปิดตัวสัปดาห์แรกสูงสุดตลอดกาลของไทยด้วยรายได้ถึง 145.7 ล้านบาท (เฉพาะในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่) ที่สำคัญนี่เป็นการเข้าฉายเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น ส่วนในอเมริกา รายได้ของหนังมากกว่าครึ่งหนึ่ง มาจากการฉายระบบสามมิติ ทางบ.ยูไอพี ผู้จัดจำหน่ายในเมืองไทยบอกว่า ถ้าจะดูให้ถึงอารมณ์สุดๆ ทั้งภาพและเสียงต้องดูในระบบ 3D&IMAX เท่านั้น

          ใน ‘TR3’ นอกจากจำนวนหุ่นยนต์ที่เพิ่มขึ้นมากมายลายตา จนแทบจะแยกแยะไม่ถูกว่าตัวไหนอยู่ฝ่ายดีฝ่ายร้าย หนังยังเพิ่มหน่วยรบทางอากาศ ที่ไม่ใช่แค่ใช้เครื่องบินรบต่อสู้กันทางอากาศยานเท่านั้น หากแต่เป็นทหารที่มาในชุด ‘Wing Suit’ สามารถเหาะเหินเดินอากาศ ล่องลอยบนท้องฟ้าประดุจมนุษย์นก บินไปบนท้องฟ้า (แม้จะในช่วงเวลาสั้นๆ) โฉบไปมาหนีการตามล่าทำลายล้างของเจ้าหุ่นยักษ์ ให้ความรู้สึกตื่นเต้นในอีกทาง

          TR3 ยังเข้าข่ายหนังก็มันส์ เพลงก็สนุก และไม่เพียงเพลงเอก “Iredescent” ของ Linkin Park หรือกระทั่งเพลงร็อกมากมายจากร็อกเกอร์แถวหน้าของวงการ TR3 ยังมีทั้งเพลงคันทรี่, ดิสโก้, ป๊อป-แดนซ์  ก็ถูกนำมาใส่ในหนัง (แม้จะหลายๆ เพลงจะไม่เข้ากับตัวหนังเลยก็ตาม) และถึงแม้ตัวหนังจะเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าเอาคนดูอยู่ เพราะทำได้สนุกเร้าใจ แม้หลายฉากหลายตอนจะกระเดียดไปทางการ์ตูน ไม่เข้มข้นเท่ากับสองภาคแรก และในฉากโรแมนซ์ หรือการบอกเล่าความสัมพันธ์ของสองพระ-นาง ก็ดูจะกระท่อนกระแท่น ไม่น่ารักเท่ากับสองภาคก่อน (และดูเหมือนว่าเสน่ห์ของ ‘โรซี่’  รวมถึงฝีมือการแสดงก็ดูจะด้อยกว่า ‘เมแกน ฟ็อกซ์’ อยู่หลายขุม)

          ไม่รู้ว่าเมื่อหนังเดินทางมาถึงภาคที่สาม ผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ ออกอาการหมดมุกหรือเปล่า? เพราะมีข่าวออกมาว่า บางฉากในหนัง (โดยเฉพาะฉากหุ่นยนต์ไล่ล่าขบวนรถบนท้องถนน) มีการจำลองมาจากฉากไล่ล่าในหนัง “The Island” ของเขาเอง รวมถึงการสร้างตัวละครผิวสี ที่มีพฤติกรรมห่ามห้าว ท้าลุยไม่กลัวความตายเหมือนในหนังตำรวจคู่หูเรื่อง “Bad Boy” ไม่นับรวมฉากทำลายล้าง แสดงถึงความวินาศสันตะโรอย่างจงใจ (โดยเฉพาะการเน้นย้ำด้วยภาพสโลว์โมชั่น) เหมือนกับที่เคยปรากฏในหนังอย่าง “Pearl Harbor”

          แม้จะทำรายได้ถล่มทลาย แต่ TR3 ก็ถือว่าน่าผิดหวังในฐานะหนังภาคต่อเช่นเดียวกับหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ออกฉายก่อนหน้าอีกหลายเรื่องในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘Pirate of the Carribbean 4’, ‘Car 2’, ‘X-Men: First Class’, ‘The Hangover 2’ ซึ่งแน่นอนว่าหนังเหล่านี้ ล้วนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม สวนทางกับคำก่นด่าไล่หลัง (ที่สำคัญ ผู้สร้างหน้าไหนจะสน หากมันยังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ และอาจจะนำมาด้วยภาคต่อๆ ไป ไม่สิ้นสุด)

          ฉากที่ตลกมากๆ ในหนัง ซึ่งไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจล้อสถานการณ์ในเมืองไทยไม่ทราบได้ เมื่อเจ้านายของฝ่ายนางเอก ตกแต่งบริษัทด้วยสีเหลืองอ๋อย และรู้สึกโกรธแค้นเป็นเดือดเป็นร้อนทันที ที่เห็นใครเอาวัตถุสีแดงมาแต่งแต้มลงไป ตลกร้ายที่ไม่รู้ว่าคนดูจะรู้สึกขำขื่นกันบ้างหรือไม่

ชื่อเรื่อง : Transformers: Dark of the Moon
ผู้เขียนบท : เอห์เรน ครูเกอร์
ผู้กำกับ : ไมเคิล เบย์
นักแสดง : ไชอา ลาบัฟ, โรซี ฮันติงตัน-ไวท์ลีย์, ไทรีส กิ๊บสัน, จอห์น เทอร์เทอร์โร่, เควิน ดันน์ , ฟรานซิส แม็คดอร์แมนด์, จอห์น มัลโกวิช
เรตติ้ง : น.13+ ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ชมอายุ 13 ปีขึ้นไป
วันที่เข้าฉาย : 30 มิถุนายน 2554

 

"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม "