บันเทิง

Transformers 3
ถ้าชินกับพิธีกรรม อะไรคือมุมคิด ?

Transformers 3 ถ้าชินกับพิธีกรรม อะไรคือมุมคิด ?

01 ก.ค. 2554

ระหว่างรอเพื่อนๆ 4-5 คนไปเข้าห้องน้ำ (หลังจากหนังจบ) มีทีวี 2 ช่องมาถามว่า รู้สึกอย่างไรกับ Transformers 3 (คำถามว่ารู้สึกอย่างไรนี่ ฮิตจังนะ) ผมเลยตอบน้องนักข่าวเขาว่า “รู้สึกว่า นางเอกหนังเรื่องนี้ น่าไปแสดงเรื่อง sex and zen 4 มิติ มากกว่า” (ฮา) ปากเธ

     แต่นี่เป็นแง่มุมซึ่งไม่สำคัญเท่าไหร่ เนื่องเพราะจะมีหรือไม่มีนางเอกคนนี้ ตัวหนัง Transformers 3 จะทำเงินถล่มทลายบ็อกซ์ ออฟฟิศอย่างแน่นอนที่สุด ยิ่งมันคือส่วนสุดท้ายของ “ไตรภาค” มันจะบวกแรงส่ง เหมือนที่พ่อมดน้อย harry potter กำลังจะขายกับ 7.2 ในกลางเดือนกรกฎาคมนี้

     ข้อด้อยของหนังเรื่องนี้อย่างหนึ่งก็คือ เมื่อคำนวณจากเวลา, รูปทรงของพล็อต และการหยิบใช้สถานการณ์ต่างๆ ตลอดรายทางแล้ว หนังมีความยาวมากไปนิด ทำให้ต้องรอการบิ้วพักใหญ่ๆ เพราะทุกคนรอดูการใช้ไม้ตาย spectacle แบบที่ jaws ในยุค 70’s เคยทำ (ก่อนที่ jurassic’s park จะทำได้ดีกว่าอีกในปี 1993) ใครจะชอบหรือไม่ชอบวัฒนธรรม Transformers ก็ตาม แต่มันได้สร้างมาตรฐานของหนังแอ็กชั่นยุคใหม่ขึ้นมาว่า หากใครอยากจะทำเรื่องราวแบบนี้ มันจะต้องไปให้ไกลกว่าตัวของ Transformers เอง (เหมือนที่ครั้ง หนังองค์บากของ จา พนม และ ชัตเตอร์ ของ phenomenon ได้ทำไว้กับตลาดหนังไทย) ผมคิดว่าคนที่จะชอบหนังเรื่องนี้มากที่สุด จะเป็นเด็กผู้ชาย วัยรุ่นผู้ชายและผู้ใหญ่ผู้ชาย(ฮา) ที่ปลื้มๆ Transformers มาตั้งแต่ภาคแรก (โดยมีตลาดผู้หญิงคอยสอดแทรก)

     และหลังจากดูรอบสื่อมวลชนจบลงไปเมื่อคืนวันอังคารที่พารากอน ผมนึกของผมเอาเองว่า มีเรื่องสนุกคิดอยู่ 3 ข้อ ซึ่งน่าจะสนุกกว่าเรื่องทิศทางเดินของหนัง อันมีลักษณะแพทเทิร์นหนังใหญ่แอ๊คชั่น “แบบฮอลลีวู้ด” อยู่มาก 3 ข้อสนุกคิดที่ว่านี้ ผู้อ่านนสพ.ไม่จำเป็นต้องเชื่อหมดนะครับ แต่ลองกลับไป “คิดดูเล่นๆ” ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ (และนั่งคิดเล่นๆ เรื่องพวกนี้ สนุกกว่าการไปลุ้นว่า ใครจะเป็นนายกฯ ใหม่ เพราะโดยบรรยากาศการเมืองขอบอกว่าวังเวง)

     1.ทำหนังต้องเป็น “สีเหลือง” ตลอดการนั่งดู 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมสังเกตเห็นว่าโทนของสี และ “สีหลัก” ที่หนังเรื่องนี้เลือกใช้นั้น คือ “สีเหลือง” (จะเป็น yellow หรือ gold ก็ได้หมด) ผมไม่ได้คิดมากแน่นอนครับ เราตัดไฟที่ปรากฏอยู่มากออกไปก็ได้ คุณก็จะเห็นดอกไม้, ผมที่ถูกย้อมสี, ประตู, หน้าต่าง, โครงเหล็ก, โลหะ, รถ, ผนังตึก, ตึกระฟ้า, อาหาร, เสื้อผ้าหน้าผม และอื่นๆ อีกมากมายเกือบๆ 50 อย่างล้วนเป็น “สีเหลือง”

     ผมให้หลักฐานต่อว่า เมื่อเหลืองคือ “แม่สีหลัก” สีอะไรก็ตามที่เป็นแม่สีอื่นๆ จึงถูกใช้ให้เป็นฝ่ายอธรรมและศัตรู เว้นแต่แดงของฝ่ายธรรมะ ซึ่งเมื่อจะใช้ หนังผสมสีกับสีอื่นๆ และลดบทบาทลงไปนี่ยังไม่นับว่า เป็นความจงในอย่างที่สุด ที่เจตนาให้สีแบ็กกราวนด์เป็นสีพื้นๆ เทา ดำ ขาว เพื่อส่งสีเหลืองให้เป็นพระเอก “อิ๊กคิวซัง” จึงขอถามว่า ทำไมสีเหลืองต้องมีบทบาทในหนัง (ไม่มีเฉลย อิอิ)

     2.ทำไมตัวละครผิวสี ต้องโผล่มาตอนท้าย แซม นั้น เดินหน้าต่อสู้เพียงลำพังในหนัง แต่เมื่อหนังใก้ลจะจบ ผ่านพ้น turning point อันเป็นสเต็ป 4 ของการเดินเรื่องไปแล้ว จู่ๆ ก็มีดูโอนายหนึ่งเป็นคนผิวสี โผล่เข้ามาท้ายเรื่อง ทั้งขัดแย้งและจะร่วมต่อสู้กับแซม (ซึ่งเป็นผิวขาว)คำถามคือ ทำไมต้องเป็นผิวสี (มีความหมายซ่อนเร้นแน่นอนที่ซู้ดดดดดด)

     3.ทำไมหุ่นยนต์และแซมต้องพูดคำคมตอนจบ คำคมเรื่อง “ศรัทธา” ในตัวตน(หรือตัวเอง) ถูกยกมาพูดถึงในตอนท้ายของหนัง Transformers 3

     จริงๆ มันไม่เท่อะไรหรอก เพราะว่าซูเปอร์ฮีโร่ทุกเรื่องก็มักจะพูดเรื่องแบบนี้ แถมคำคมยังเป็นจุดขาย เป็นแพ็คเกจขายควบ ของฮีโร่ทั้งหลาย (นี่ถ้าเป็นผม ผมจะพูดสิ่งที่ไม่เกี่ยวกันเลยว่า “ผมชอบกิน “กุ้ง” แต่เกลียด”ปู” อะไรแบบนั้น)แต่คำคมในตอนท้ายของหนังเรื่องนี้ มีนัยเชื่อมโยงอยู่กับสภาพสังคมอเมริกันตอนนี้

     ใน 3 ข้อนี้ คิดข้อไหนก็ล้วนสนุก โดยเฉพาะ “ข้อแรก”
 สวัสดี

"นันทขว้าง สิรสุนทร"