
Frozen Flower ฤษณา ราคะ
การมาถึงของยุคโรยราในอุตสาหกรรมหนังเกาหลีช่วง 2-3 ปีมานี้ ส่งผลให้คนทำหนังที่นั่นเริ่มออกค้นหาแนวทางใหม่ๆ หลังความพยายามขายวิวสวยๆ อาหารน่าทาน และวัฒนธรรมผ่านหนังเพื่อเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไม่ประสบความสำเร็จอีกต่อไป
แม้กระทั่งความพยายามผลักดันนักแสดงของตนสู่วงการหนังระดับโลกก็ดูไม่ค่อยเกิดดอกผลสักเท่าไหร่ ถึง แจง ดองกอน และ จอน จีฮุน จะข้ามไปเล่นหนังฮอลีวู้ด แต่เมื่อผลงานยังไม่ออกฉาย จึงไม่สามารถวัดกระแสตอบรับได้ มีเพียง ‘เรน’ ที่แม้จะแป้ก กับ “Speed Racer” แต่ยังมี “Ninja Assassins” และงานเพลง ‘ภาษาอังกฤษ’ ชุดแรกที่จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาไว้รอแก้ตัว (ส่วนหนังมีโปรแกรมเข้าฉายปลายปี)
จะว่าไปเส้นทางสายใหม่ของคนทำหนังเกาหลีที่ทอดมาถึงหน้าบ้าน ก็แสนราบเรียบ ราบรื่น เหมือนดังปูพรมไว้รอท่า และช่างน่าอิจฉา เพราะเป็นการเปิดทางจากภาครัฐ โดยเฉพาะการอนุญาตให้นำเสนอเนื้อหาได้หลากหลายและเอื้อมแตะประเด็นต่างๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือกฎระเบียบของการเซ็นเซอร์เปิดกว้างมากขึ้นนั่นเอง แน่นอนว่าทั้ง ‘รูปแบบ’ และ ‘เรื่องราว’ ของหนังเกาหลี สามารถเดินทางต่อไปได้ไกลขึ้นอีกระดับ และหนึ่งในประตูที่เปิดสู่เส้นทางสายนั้นคือการนำเสนอเรื่องราวทางเพศได้มากขึ้น (ทั้ง ‘ภาพ’ และ ‘เนื้อหา’) ซึ่งการมาถึงของ “Frozen Flower” ก็เปรียบได้กับรถยนต์คันแรกๆ ที่ทดลองออกวิ่งบนเส้นทางสายใหม่ที่ว่านั้น และดูเหมือนว่าตลอดทางไม่มีตำรวจคอยโบกให้จอดแต่อย่างใด ทำให้รถคันที่ชื่อ “Frozen Flower” วิ่งฉิวเข้าป้ายในฐานะหนัง Restricted (Rate R) ที่ห้ามผู้ชมอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าชมโดยไม่มีผู้ปกครองแนะนำ เรื่องแรกของเกาหลีใต้ที่สามารถทำยอดขายตั๋วเข้าชมทะลุ 1 ล้านใบได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
กระแสของหนัง “Frozen Flower” ในเกาหลีใต้ ทำให้สื่อมวลชน และนักวิจารณ์มองว่า นี่อาจเป็นความพยายามในการทดสอบข้อจำกัดครั้งใหม่ หรือไม่ก็แค่ทดลองตลาดและดิ้นรนหาจุดขายใหม่ๆ ของคนทำหนัง เพราะอันที่จริงวงการหนังเกาหลีก็เคยมีการสร้างหนังอีโรติกมาแล้วมากมาย แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนฮือฮาและได้รับความนิยมเช่นนี้มาก่อน เพราะเอาเข้าจริงสิ่งที่เรียกความสนใจจากคนดูของ “Frozen Flower” อาจจะไม่ใช่ฉากร่วมรักที่เร่าร้อนดุเดือด กล้าเปิดเปลือยมากกว่าเก่าก่อน หากแต่ยังรวมถึงประเด็นความสัมพันธ์อันเปราะบางและลุ่มหลงของมนุษย์ที่พึงมีต่อกัน ทั้งความรักระหว่าง ชายต่อชาย และชายต่อหญิง
เรื่องราวใน “Frozen Flower” ย้อนกลับไปในรัชสมัยราชวงศ์ ‘โครยอ’ อันอ่อนแอของเกาหลี ที่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของอาณาจักรยอน อีกทั้งพระราชาเองยังมีความสัมพันธ์กับหัวหน้าราชองครักษ์หนุ่มที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กในลักษณะรักร่วมเพศแบบชายรักชาย แม้จะมีมเหสีรูปโฉมงามสะคราญอยู่แล้วก็ตาม และหลังจากเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ กษัตริย์แห่งอาณาจักรยอนก็ได้ส่งสาสน์เร่งเร้าให้พระราชารีบมีทายาทสืบทอดเชื้อพระวงศ์ หากไม่เช่นนั้นจะแต่งตั้งพระเชษฐาของมเหสี (ซึ่งทั้งคู่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ยอน) มาดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชา สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป นั่นหมายถึง ราชวงศ์ ‘โครยอ’ จะถูกกลืนชาติโดยสมบูรณ์ พระราชาจึงแก้ปัญหาด้วยการออกอุบายให้องครักษ์คู่ขา มีเพศสัมพันธ์กับมเหสีแทนจนกว่าพระนางจะตั้งครรภ์
เมื่อพิจารณาจากเรื่องราวโดยย่อ จะเห็นว่านอกจากเนื้อหาล่อแหลม และมีประเด็นที่อ่อนไหวต่อเส้นศีลธรรมแล้ว หนังยังเปิดช่องให้คนทำสามารถใส่ฉากเลิฟซีนได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ผู้กำกับยูฮาก็หาได้ฉวยโอกาสเหล่านั้นไม่ แม้ความอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้อยู่ที่ฉากร่วมรักอันร้อนแรงจากการโรมรันพันตูหวุดหวิดโจ๋งครึ่มระหว่าง ชาย-ชาย (พระราชา-องครักษ์) และ หญิง-ชาย (มเหสี-องครักษ์) แต่เมื่อถึงฉากที่ต้องปลดปล่อยอารมณ์อันอ่อนไหวและตกอยู่ในวังวนแห่งราคะ จนถึงที่สุด เมื่อธาตุแท้ของแต่ละคนที่แสดงออกมา ก็ไม่อาจตัดสินได้ว่า สิ่งนั้นถูกเรียกว่า ‘ความรัก’ ได้หรือไม่ เพราะล้วนมีบ่อเกิดมาจากกิเลส ตัณหา ขณะเดียวกันหนังก็เหมือนกับตั้งคำถามย้อนกลับมาว่า แล้วความรักจะไม่สามารถก่อเกิดมาจากความใคร่ได้ฉะนั้นหรือ? หากสุดท้ายรักนั้นเป็นรักที่จริงใจและมั่นคงต่อคนที่รักอย่างแท้จริง
ไม่เพียงเนื้อหาที่คาบเกี่ยวกับระดับของศีลธรรมในใจคน หากแต่วิธีการนำเสนอของ “Frozen Flower” ยังเปี่ยมด้วยทักษะทางศิลปะอันยอดเยี่ยม เพราะแม้มีฉากร่วมรักร้อนแรงหวุดหวิดจวนเจียนเข้าขั้นอนาจารของแต่ละคู่ หนังก็มีชั้นเชิงของงานกำกับภาพที่ใช้มุมกล้อง บิด ปิด ป้องของสงวน หลีกจากความอุจจาดไปสู่งานอาร์ตที่สวยและร้อนแรงได้อย่างถนัดตา ไม่เว้นแม้แต่ฉากเปลือยกายเล่นน้ำของเหล่าองครักษ์หนุ่มนับสิบทางธารน้ำตก หนังก็ใช้จังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกายตัวละครบดบังอวัยวะไม่พึงประสงค์ มิให้หลุดเล็ดลอดออกมาได้แม้แต่เส้นขนโดยกองเซ็นเซอร์ไม่จำเป็นต้องทำภาพเบลอปิดบังให้เสียสายตา
นอกจากนี้ความสามารถในการจัดองค์ประกอบศิลป์ เพื่อใช้อธิบายลักษณะของตัวละคร โดยเฉพาะสีสันที่ใช้กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเหล่าองครักษ์ที่เลือกใช้สีม่วงเมื่อยามอยู่ในชุดลำลอง และเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนกยามเมื่อปฏิบัติหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์ ที่สำคัญหนังยังสื่อความหมายไปถึงประเด็นและเนื้อหาเรื่องราวด้วยภาพเขียนโบราณ ที่ย้ำให้เห็นสองครั้งสองคราตอกย้ำให้เห็นการกดขี่ของเพศสภาพ ซึ่งฐานะของผู้ตกเป็นเบี้ยล่างอาจอยู่ที่ระดับชนชั้นทางสังคม หาใช่ความอ่อนแอของเพศหญิงเสมอไป...
“Frozen Flower” คือปรากฏการณ์น่าสนใจที่เกิดขึ้นในหนัง เกาหลีเวลานี้
ชื่อเรื่อง : Frozen Flower อำนาจ ราคะ ใครจะหยุดได้
ผู้เขียนบท/กำกับ : ยูฮา
นักแสดง : จูจินโม (พระราชา), โจอินซอง(องครักษ์), ซองจีเฮียว (มเหสี)
ความยาว : 133 นาที
วันที่เข้าฉาย : 16 เมษายน 2552
โรงภาพยนตร์ : พารากอน ซิเนเพล็กซ์ สยามพารากอน , เฮ้าส์ อาร์ซีเอ
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"