โควิด-19

จับตา 3 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ระบาดเพิ่มขึ้น ขณะ BA.5 ยังครองระบาดมากสุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอธีระ" เปิดข้อมูล "โอไมครอน" BA.5 ยังครองระบาดมากสุด พร้อมจับตา 3 สายพันธุ์ที่น่ากังวล พบมีการกระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก

"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เปิดเผยข้อมูล การติดเชื้อ โควิด เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 215,345 คน ตายเพิ่ม 551 คน รวมแล้วติดไป 636,191,953 คน เสียชีวิตรวม 6,596,671 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ซึ่งหากจำแนกสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี่จะพบว่า "โอไมครอน" BA.5 ยังครองการระบาดมากที่สุด พร้อมจับตา 3 สายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มมีการระบาดเพิ่มขึ้น

 

โดย องค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกรายงานประจำสัปดาห์ WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อคืนนี้ 2 พฤศจิกายน 2565 สถานการณ์ระบาดรายสัปดาห์ล่าสุด มีอัตราการติดเชื้อใหม่และการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นชัดเจนทั้งในทวีปอเมริกา และแถบภูมิภาคแปซิฟิคตะวันตก ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปแอฟริกานั้นมีอัตราการเสียชีวิตรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องสายพันธุ์ไวรัส โควิด-19 นั้น ปัจจุบัน "โอไมครอน" ครองสัดส่วนการระบาดทั่วโลกถึง 99.9%

 

ทั้งนี้หากจำแนกตามสายพันธุ์ย่อยของ Omicron ตรวจพบว่าเป็น BA.5 ถึง 74.9%, BA.2 7%, BA.4 4.8%

 

สำหรับสายพันธุ์ที่น่ากังวลนั้น พบว่า

BQ.1.x ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.7% --> 9% 
BA.2.75 เพิ่มจาก 2.9% --> 3.7%
XBB เพิ่มจาก 1.0% --> 1.5%

 

ด้วยข้อมูลต่างๆ ข้างต้น จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ระบาดอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังตัว ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ

 

อัพเดต Long COVID

 

ล่าสุดมีข้อมูลจากญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับอัตราการเกิดปัญหา Long COVID
Jassat W และคณะ จาก National Institute for Communicable Diseases ประเทศแอฟริกาใต้ ได้รายงานผลการศึกษาพบว่า อัตราการเกิดปัญหา Long COVID ในผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ช่วงสายพันธุ์ Omicron นั้น มีราว 18.5% 

 

ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่น Ibaraki Prefecture ของญี่ปุ่น ได้รายงานผลการสำรวจประชากรจำนวน 2,441 คนที่ติดเชื้อในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีการทำการสำรวจในเดือนมิถุนายน 2565 (ราว 3 เดือนหลังจากติดเชื้อ) พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งประสบปัญหาอาการผิดปกติหลังจากหายจากการติดเชื้อ (50.06%)

 

ทั้งนี้เพศหญิงมีสัดส่วนของผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID มากกว่าเพศชาย และกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 30 - 40 ปี ประสบปัญหามากกว่ากลุ่มคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มีเพียงหนึ่งในสี่ของผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID ที่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยมาจากหลายเหตุผล รวมถึงการไม่รู้ว่าจะต้องไปรับการรักษาที่ไหนอย่างไร ทำให้ทางรัฐบาลท้องถิ่นต้องออกประกาศว่าจะทำการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ และจัดระบบบริการดูแลรักษาและให้คำปรึกษาให้มีความพร้อมที่จะรองรับผู้ป่วย Long COVID ให้มากขึ้น

 

สำหรับประชาชนไทยเรา ควรตระหนักว่าการระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อมูลสถานการณ์ในประเทศนั้นได้รับรู้กันน้อยลง จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอการไปรับ วัคซีนเข็มกระตุ้น ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อลดป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และลดความเสี่ยงของ Long COVID การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ