โควิด-19

เช็ค 8 "อาการโควิด" ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เจ็บคอ ติดง่าย แพร่กระจายเร็ว

12 ต.ค. 2565

"หมอยง" เปิด 8 "อาการโควิด" ที่เปลี่ยนไปจากเดิม อาการสำคัญ คือ เจ็บคอ ติดง่าย แพร่กระจายเร็ว ระบาดได้ทุกฤดูกาล

จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้ม ตัวเลขผู้ติดเชื้อ และ เสียชีวิต ลดลง ทำให้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับมาตรการโควิด เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา พร้อมปรับมาตรการแยกกักผู้ป่วยอาการน้อย ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ ให้ปฏิบัติตาม DMHT อย่างเคร่งครัด 5 วัน แนะนำประชาชนตรวจ ATK เมื่อมีอาการ ขณะเดียวกันยังยกเลิกแสดงเอกสารรับวัคซีนด้วย ซึ่งนอกจากความเปลี่ยนแปลงในมาตรการโควิดแล้ว "อาการโควิด" ยังเปลี่ยนไปจากเดิม เริ่มแรกของการระบาดด้วย

"หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในหมอ ที่ออกให้ความรู้เรื่องของโควิด มานับตั้งแต่เริ่มของการระบาด ให้ข้อมูลว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่มีการระบาดของโรคโควิด19  ลักษณะอาการของโรคได้มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

 

 

1. ระยะฟักตัวของโรคสั้นลง จากการศึกษาในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตากับสายพันธุ์โอมิครอน ระยะฟักตัวของโรคสั้นลง มาอยู่ที่ประมาณ 3 วันในระยะหลังนี้

 

2. ความรุนแรงลงปอดทำให้เกิดปอดบวม จะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยยุคแรกสายพันธุ์อู่ฮั่น มีอัตราการลงปอดฉายภาพรังสีปอดจะมีฝ้าพบได้บ่อย แต่ในปัจจุบัน การลงปอดลดน้อยลง 


3. อาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รส พบได้บ่อยมาก แต่ปัจจุบันนี้อาการดังกล่าวพบน้อยมาก

 

4. อาการไข้ แต่เดิมเราพบได้บ่อย จะเห็นว่าเราใช้หลักการตรวจอุณหภูมิ ในการตรวจกรองในสถานที่ต่าง ๆ ปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้ เพราะในปัจจุบันนี้
อาการไข้จะเป็นอยู่ 1-2 วัน และมีจำนวนมาก แค่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ไม่มีไข้

เจ็บคอ

5. อาการโควิดสำคัญขณะนี้ คือ เจ็บคอมาก เหมือนมีอะไรบาด และมีอาการไอ เป็นอาการสำคัญของการอักเสบในลำคอ 

 

6. การติดต่อหรือแพร่กระจาย เกิดขึ้นได้ง่าย จะเห็นว่าเมื่อมีผู้ป่วย จะเป็นการติดทั้งครอบครัว เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม ในยุคแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ ในระยะหลังนี้ เด็กจะมีอาการน้อย และสามารถกระจายโรคได้มาก

 

7. การระบาดของโรคมีแนวโน้มไปตามฤดูกาลแบบไข้หวัดใหญ่ ในซีกโลกเหนือ เช่น ยุโรปและอเมริกา จะมีการระบาดมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นฤดูหนาว และประเทศซีกโลกใต้ ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ จะมีการระบาดมากในฤดูหนาวเช่นกัน ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน

 

สำหรับประเทศไทย เป็นประเทศเขตร้อน ไม่มีฤดูหนาวที่แน่ชัด การระบาดพบได้ตลอดทั้งปี แต่การระบาดมาก จะเกิดในหน้าฝน ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เช่นเดียวกับซีกโลกใต้ และจะเกิดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่มากนัก ในเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ซึ่งต่างกับตอนแรกของการระบาดของโควิด19 ไม่เป็นฤดูกาล

 

8. ไวรัสโควิค19 มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ แนวโน้มในอนาคต จึงทำให้เมื่อติดเชื้อและสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการของโรคมีแนวโน้มลดลง ความสำคัญจึงอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น 608 วัคซีนที่ใช้จะต้องใช้ให้ตรงสายพันธุ์ที่คาดว่าจะเกิดมีการระบาด เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ และจะต้องให้ก่อนที่จะมีการระบาด เช่น ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม และกลุ่มที่ควรรับวัคซีนอย่างยิ่ง คือกลุ่ม 608  รวมทั้งเด็กเล็ก

เชื้อโควิด
 

แต่เดิม อาการโควิด เริ่มต้น จะเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นหลังจากที่รับเชื้อภายใน 2-14 วัน ค่าเฉลี่ยของผู้ที่แสดงอาการจะแสดงอาการหลังจากรับเชื้อประมาณ 5 วัน อาการที่แสดงมีดังนี้

 

  • มีไข้สูง ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • มีอาการของระบบทางเดินหายใจ + อาการร่วมอื่น ๆ เช่น
  • จาม คัดจมูก มีน้ำมูก
  • แสบคอ เจ็บคอ
  • ไอ ทั้งแบบมีเสมหะ และไม่มีเสมหะ หรือไอแห้ง ๆ
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
  • บางรายอาจมีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
  • สูญเสียการรับรส หรือรับกลิ่น ทำให้จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส

 

 

ที่มา : ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057