"โอไมครอน" ไทยน่ารัก หมอสันต์ ชี้ พีคและลงแบบนุ่มนวล จบเร็วพลิกความคาดหมาย
ข่าวดีประเทศไทย หมอสันต์ ชี้ "โอไมครอน" ไทยแลนด์น่ารักกว่ายุโรป ขึ้นจุดพีคและลงแบบนุ่มนวล จบเร็วพลิกความคาดหมาย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ข้อความ อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ระบุว่า "โอไมครอน" ขึ้นหัวหาดเมืองไทยตั้งแต่ 26 พย.2564 ค่อยสะสมกำลังจนเพิ่มจำนวนได้เท่าตัว (doubling time) ใน 4 วัน ตั้งแต่ 7 มค. 2565 ซึ่งผมคาดหมายตามอัตราการเพิ่มในอังกฤษและอัฟริกาใต้ว่า เมื่อถึงวันนี้ (18 มค. 65) "โอไมครอน" จะเพิ่มได้วันละหนึ่งเท่าตัว จนเข้าแทนที่ "เดลตา" และระบาดไปทั่วประเทศได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น นั่นคือข้อสันนิษฐาน หรือการเดา ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ณ วันนี้ในด้านอัตราการเข้าแทนที่เดลตารวดเร็วนั้น เร็วสมคาดจริง คือหลายวันก่อนหน้านี้ ศูนย์แล็บที่จุฬาฯเปิดเผยว่า ผลตรวจเชื้อเป็น "โอไมครอน" มากกว่า 90% แล้ว และเมื่อวานนี้ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รามาธิบดี ก็เปิดเผยว่า ที่ตรวจได้ตอนนี้ เป็นโอไมครอน 97.1% (69/71) เดลตา 2.8% (2/71)
ดังนั้น ค่อนข้างแน่ว่า ในกทม. "โอไมครอน" ได้เข้าแทนที่เดลตาเกือบหมดแล้ว ในต่างจังหวัดนั้น สถานการณ์แตกต่างกันไปตามพื้นที่
เมื่อสองวันก่อน ผมเจอหน้า ผอ.ศูนย์แล็บที่มวกเหล็กท่านบอกว่า ตอนนี้ "โอไมครอน" เข้าแทนที่เดลตาได้มากกว่า 50% แล้ว ทั้ง ๆ ที่ "โอไมครอน" เพิ่งมาที่นี่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง ดังนั้น ภาพใหญ่คือ "โอไมครอน" เข้าแทนที่เดลตาได้เกือบหมดแล้วใน กทม. ส่วนทั่วประเทศนั้นคงจะแทนที่ได้หมดตามมาในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ทั้งหมดนี้ เป็นไปตามความคาดหมาย ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ (นพ.ยง) ได้แสดงความเร็วของการที่ "โอไมครอน" เข้าแทนที่เดลตาไว้ เป็นกราฟที่เข้าใจง่าย ซึ่งผมขออนุญาตคัดลอกมาให้ชมตรงนี้ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ อัตราการป่วย การเข้าโรงพยาบาล และอัตราตายต่อวัน ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงต้องตระเตรียมรับมือกันขึงขังนั้น เอาเข้าจริง ๆ อัตราป่วยเข้าโรงพยาบาล และตาย กลับมีอัตราคงที่ (plateau) มาหลายวัน และเริ่มลดจำนวนลงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ "โอไมครอน" ได้เข้าแทนที่เดลตาได้เกือบหมดแล้ว
แปลไทยให้เป็นไทย จากสองกราฟนี้ก็คือว่า เรื่องโควิด "โอไมครอน" ได้มาถึง peak และเข้าสู่ขาลงแล้วแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเลย เป็นอะไรที่พลิกความคาดหมาย แต่ก็พลิกไปในทางที่ดี ทำไม "โอไมครอน" ไทยแลนด์ถึงได้น่ารักกว่าที่ยุโรป อเมริกา และเซาท์อัฟริกา ตอบว่าไม่มีใครรู้ ได้แต่เดาเอาแบบมั้งศาสตร์ เช่น เป็นเพราะคนไทยได้วัคซีนซิโนแวคมาก่อน..มั้ง เป็นเพราะอากาศเมืองไทยมันร้อน..มั้ง เป็นเพราะระบบควบคุมโรคของไทยเจ๋งกว่าฝรั่ง..มั้ง เป็นเพราะคนไทยมีนิสัยว่าง่ายใส่มาสก์กันหมด..มั้ง ฯลฯ เหตุผลแท้จริงเป็นอย่างไร ต่อไปภายหน้าคงจะมีหลักฐานวิทยาศาสตร์โผล่มาให้เห็นเอง ตอนนี้เอาเป็นว่า "โอไมครอน" ไทยแลนด์กำลังจะจบแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวทำมาค้าขายในประเทศนั้น เดิมก็ทำกันได้อยู่แล้ว และสามารถทำต่อไปได้แบบฉลุย แต่ว่าอย่าเพิ่งใจร้อนรีบเอาการ์ดลง หมายความว่าอยู่ห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือไว้ก่อนไม่เสียหลาย ส่วนการเดินทางและค้าขาย
ระดับนานาชาตินั้น เราต้องรอดูเชิงของโลกทั้งใบเขาไปก่อนว่า เขาจะเอาอย่างไรกันแน่ ประเทศอย่างอังกฤษอเมริกานั้นไม่มีปัญหา คือเขาผ่านพีคการติดเชื้อแบบเขย่าประเทศไปแล้ว จบแล้วเขาต้องรีบเปิดอ้าซ่าแน่นอน แต่ประเทศอย่างจีน ผมเองก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่า เขาจะเอาอย่างไรกับอนาคต เพราะถึงวันนี้เขายังใช้นโยบายโควิด 0% อย่างเข้มงวดอยู่เลย
ดังนั้น ใครจะเดินทางท่องเที่ยว หรือค้าขายกับกับประเทศไหน ก็ต้องดูเชิงประเทศนั้นไปแบบเดือนต่อเดือน
กู๊ดบาย..โอไมครอน กู๊ดบาย..โควิด (หวังว่า)ไม่ต้องพบกันอีกนะ