โควิด-19

เปิดประสิทธิภาพ "แอสตร้าเซนเนก้า" เข็มกระตุ้นสู้ โอไมครอน ได้สูงเท่า mRNA

เปิดประสิทธิภาพ "แอสตร้าเซนเนก้า" เข็มกระตุ้นสู้ โอไมครอน ได้สูงเท่า mRNA

20 ก.ค. 2565

เปิดประสิทธิภาพ "แอสตร้าเซนเนก้า" ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นเข็ม 4 ป้องกันติดเชื้อโอไมครอนได้สูง 95 % เทียบเท่าวัคซีนชิด mRNA

ผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยทีมวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และคณะ 1 พบว่าวัคซีนป้องกันโควิด19 ของ "แอสตร้าเซนเนก้า" มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 สายพันธุ์ โอไมครอน หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 

หลักฐานการใช้จริงจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ "แอสตร้าเซนเนก้า" มีประสิทธิผลของวัคซีน อยู่ที่ 73% (95% ช่วงความเชื่อมั่น) ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 สายพันธุ์ โอไมครอน ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับวัคซีนป้องกันโควิด19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเป็น วัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 4  โดยไม่ขึ้นกับชนิดของวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้าโดยผู้วิจัยระบุว่า ผลการศึกษานี้เป็นข้อมูลชุดแรกที่ประเมินประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบสูตรไขว้ (Heterologous) สี่เข็ม 

อย่าไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโควิดทุกชนิดที่ทำการศึกษามีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 สายพันธุ์โอไมครอนสูงถึง 75% โดยประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด19 ของ "แอสตร้าเซนเนก้า" นั้นอยู่ที่ 73% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับวัคซีน mRNA อื่นๆ ที่ทำการศึกษาในงานวิจัยนี้ซึ่งมีค่าประสิทธิผลอยู่ที่ 71%  โดยประสิทธิผลของวัคซีนดังกล่าวถูกปรับเพื่อขจัดอิทธิพลจากตัวแปรต่างๆ ได้แก่ อายุ เพศ เวลาการรับวัคซีนตามปฏิทิน และประเภทของสูตรวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้า1

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ. ดร. สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การศึกษานี้ได้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่สำคัญว่า วัคซีนป้องกันโควิด19 เข็มกระตุ้นเข็ม 4 ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม มีประสิทธิผลในการช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 สายพันธุ์ โอไมครอน ที่สามารถระบาดได้อย่างรวดเร็ว การสร้างภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสําหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังสนับสนุนประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนในแบบสูตรไขว้ต่างๆ หรือแบบ มิกซ์แอนด์แมตช์(mix and match) ซึ่งสามารถช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมมากขึ้นในประชากรทั่วไป 

 

ด้าน มร. จอห์น เปเรซ รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาขั้นสุดท้าย ฝ่ายวัคซีนและภูมิคุ้มกันบำบัด แอสตร้าเซนเนก้า กล่าวเสริมว่า ข้อมูลล่าสุดนี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความสําคัญของวัคซีนเข็มกระตุ้นในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไป จากประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ "แอสตร้าเซนเนก้า" ในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต ตอนนี้เราทราบแล้วว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้ดีพอสมควร เมื่อได้รับเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 4  ซึ่งจะให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สูงกว่าหลังจากรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3

 

นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นจากโรงพยาบาลรายงานประสิทธิผลของวัคซีนต่ออาการป่วยรุนแรงจากโควิด-19 (ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ)  และการเสียชีวิตในช่วงการระบาดหนักของสายพันธุ์โอไมครอน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2565 พบว่าการได้รับวัคซีนแบบสูตรไขว้สามเข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงหรือการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ 98% ในประชากรทุกช่วงอายุที่ศึกษา และมีการเสียชีวิตเพียงรายเดียวในผู้ป่วยที่มีโรคประจําตัวหลังการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่สี่ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงประสิทธิผลในระดับสูงมากของวัคซีน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลชุดนี้กําลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และจะมีการรายงานผลสรุปทั้งหมดในภายหลัง