โควิด-19

"ติดโควิด" ล่าสุด ไม่กระจอก เสี่ยงเจอ 2 โรค สูง 81% - 6 เท่า ช่วงติดเชื้อระยะแรก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ติดโควิด" ล่าสุด หมอธีระ เผยผลวิจัย เสี่ยงเจอ 2 โรค สูงถึง 81% และ 6 เท่า ในช่วงติดเชื้อระยะแรก ฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น จำเป็น

(20 ก.ค.2565) "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ค Thira Woratanarat อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ประจำวันว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 760,982 คน ตายเพิ่ม 1,335 คน รวมแล้วติดไป 569,310,786 คน เสียชีวิตรวม 6,390,965 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และบราซิล

เมื่อวานนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 77.73 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 53.33

 


สถานการณ์ระบาดของไทย

 

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 14 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย แม้ สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.
จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

 

อัปเดต BA.2.75

ข้อมูลจนถึงตอนนี้ สายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ยังไม่มีแนวโน้มระบาดในประเทศอื่นอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่ยังอยู่ในอินเดีย การระมัดระวังป้องกันตัวเวลาใช้ชีวิตประจำวัน ก็จะลดความเสี่ยงไปได้ ไม่ว่าจะสายพันธุ์ใดก็ตาม
BA.2.75

"หมอธีระ" เผยข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด หลังติดโควิด โดยล่าสุด Rezel-Potts E และคณะจากสหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่ผลวิจัยใน PLOS Medicine วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา สาระสำคัญพบว่า การติดเชื้อโควิด จะเสี่ยงต่อการตรวจพบโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น

 

 

ทั้งนี้ จำนวนการตรวจพบเบาหวานเพิ่มขึ้นมากถึง 81% ในช่วงติดโควิดระยะแรก และ 27% ในช่วง 4-12 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อ ในขณะที่โรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น มีจำนวนการตรวจพบเพิ่มขึ้นถึงราว 6 เท่าในช่วงติดเชื้อระยะแรก และค่อย ๆ ลดลงหลังจาก 4-12 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ผลการศึกษานี้ย้ำเตือนให้เราเข้าใจถึงความสำคัญในการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ นอกจากนี้ หากติดโควิดแล้ว ผู้ป่วยควรดูแลตนเอง ระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน และออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อเรื่องโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย

ติดเชื้อโควิดเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือด

ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ต่าง ๆ

 

Bowen J และคณะจากสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสาร Science เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 เปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน
ชนิดต่าง ๆ กับสายพันธุ์ไวรัสโรคโควิด-19 สาระสำคัญพบว่า วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน หากฉีด 3 เข็ม (2 เข็มแรก + เข็มกระตุ้นอีก 1 เข็ม) ดูจะยังสามารถกระตุ้นให้เกิดระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัส Omicron สายพันธุ์ต่าง ๆ ทั้ง BA.1, BA.2, BA.2.12.1, และ BA.5 ได้

 

ที่น่าสนใจคือ mRNA vaccines 3 เข็ม, Novavax 2 เข็ม + mRNA vaccine 1 เข็ม, และ Sinopharm 2 เข็ม + mRNA vaccine 1 เข็ม งานวิจัยนี้ไม่มี Sinovac ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะ BA.5 ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกนั้น ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมาก การฉีดเพียงสองเข็มแรกนั้นไม่เพียงพอ

 

"หมอธีระ" ย้ำว่า สถานการณ์ปัจจุบันของไทยเรานั้น การระบาดยังรุนแรงต่อเนื่อง การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง เป็นเรื่องจำเป็น และจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ แพร่เชื้อไปได้มาก
 

 

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
Line: https://lin.ee/qw9UHd2
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ