โควิด-19

สธ. โต้ อย่าด่วนสรุป "โอไมครอน" BA.4 - BA.5 รุนแรง หลักฐานยังไม่มี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ. โต้ อย่าด่วนสรุป "โอไมครอน" BA.4 / BA.5 รุนแรง ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ย้ำ วัคซีนเข็มกระตุ้น ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

(25 มิ.ย.2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สธ.เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความทางสื่อโซเชียลว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์ โอไมครอน BA.4 และ BA.5 มีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลตา 5 เท่า และมีอัตราเสียชีวิตสูง ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่มีหลักฐาน และแหล่งที่มาของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวลต่อข้อมูลดังกล่าว 

ทั้งนี้ เชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน BA.4 และ BA.5 แม้องค์การอนามัยโลกจะจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลและต้องเฝ้าระวัง (VOC lineages under monitoring :VOC-LUM) เนื่องจากความสามารถในการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น หลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า มีความรุนแรงมากขึ้น

 

สำหรับสถานการณ์ของทั้ง 2 สายพันธุ์นี้ องค์การอนามัยโลกให้ความเห็นว่า ต้องเฝ้าระวัง BA.5 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากแอนติบอดีที่จะทำลายฤทธิ์ของเชื้อใช้ได้น้อย ยารักษาตอบสนองน้อยลง แต่ยังสรุปไม่ได้ว่ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม ขณะที่ฐานข้อมูลโลก GISAID พบ BA.5 สะสม 31,577 ตัวอย่าง ใน 62 ประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 25% ส่วน BA.4 พบสะสม 14,655 ตัวอย่าง แนวโน้มลดลงจาก 16% เหลือ 9%

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

ติดตามกระแสโซเชี่ยลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/komchadluek/

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยังพบ BA.4 และ BA.5 ในกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศในสัดส่วนสูงกว่าผู้ติดเชื้อในประเทศ และจะมีการศึกษาในผู้ป่วยอาการหนัก ว่ามีความสัมพันธ์กับ 2 สายพันธุ์นี้หรือไม่

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงนี้จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ขอให้ยังคงมาตรการป้องกันตนเองที่เหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อทุกสายพันธุ์นอกจากนี้ การที่ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงมากพอ ยังเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็น เพราะจะทำให้ช่วยลดความเสี่ยง การติดเชื้อและป้องกันอาการรุนแรงได้

 

ติดตามข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม : https://www.komchadluek.net/

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ