กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลง "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 แพร่เชื้อเร็วกว่า มีการกลายพันธุ์คล้าย "เดลตา" พบลงปอดง่ายขึ้น คาดจะเป็นสายพันธุ์หลักระบาดไปทั่วโลก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 และการกลายพันธุ์ของเชื้อ "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 รวมไปถึง สายพันธุ์ BA.2.12.1 ซึ่งมีการพบว่ามีการติดเชื้อในประเทศแล้วหลายราย
โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า การระบาดโควิด ในตอนนี้มีสายพันธุ์ "โอไมครอน" ระบาดเหลืออยู่สายพันธุ์เดียว ซึ่งมีการกลายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ย่อยที่น่าจับตา โดย สายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R คล้ายสายพันธุ์ เดลตา จากข้อมูล จนถึงปัจจุบัน พบว่าความสามารถในการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ลงปอดได้ง่ายขึ้น และหลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับความรุนแรง
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก ซึ่งทาง WHO พบว่า BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่น่าจับตามากที่สุด เพราะมีสัดส่วนในการติดเชื้อที่มากกว่าในหลายประเทศซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปได้ทั่วโลก
ขณะที่การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีการแพร่ได้เร็วกว่า BA.2 ซึ่งในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.1-BA.2 และไม่ได้ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อซ้ำจาก BA.4-BA.5 ได้มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ จากระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่ามีสัดส่วนของ BA.4-BA.5 เพิ่มขึ้น ยังพบในผู้เดินทางมาจากต่างประเทศมากกว่าในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง