โควิด-19

เมื่อ "โควิด19" จะเข้าสู่ "โรคประจำถิ่น" ผู้ติดเชื้อลด มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อ "โควิด19" เตรียมเป็น "โรคประจำถิ่น" พบยอดผู้ติดเชื้อลดลง มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ขณะที่เด็กต่ำกว่า 5 ขวบ ใน กทม. พบติดเชื้อร่วม 20%

"หมอยง" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก Yong Poovorawan ว่า จำนวนผู้ป่วย "โควิด19" ขณะนี้ตามตัวเลขที่เราทราบ จะเป็นผู้ที่ได้รับการตรวจ RT-PCR ที่จำนวนการตรวจน้อยลงอย่างมาก

 

ขณะเดียวกันตัวเลขผู้ป่วยที่ไม่ได้ลงทะเบียน จะมีอีกจำนวนมาก น่าจะเป็น 10 เท่า และส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง จึงสามารถรักษาตัวเองที่บ้านได้ รวมทั้ง มีการติดเชื้อแบบไม่มีอาการอีกจำนวนหนึ่ง

 

ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน มีภูมิต้านทานจากวัคซีน และจำนวนหนึ่งมีการติดเชื้อ การติดเชื้อจะสร้างภูมิต้านทานได้ดี และผู้ที่ได้รับวัคซีน ร่วมกับการติดเชื้อ จะมีภูมิต้านทานแบบลูกผสม สามารถลดความรุนแรงได้เป็นอย่างดี 

 

ในเด็กอายุ 5 ขวบ ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เราตรวจเลือด (ในกรุงเทพฯ) พบว่ามีการติดเชื้อไปแล้วร่วม 20% ในจำนวนนี้มีการติดเชื้อแบบมีอาการประมาณครึ่งเดียว

 

แสดงให้เห็นว่าขณะนี้ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีน และการติดเชื้อ ที่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างมาก อัตราการป่วยตาย ในปัจจุบัน เราไม่มีตัวเลขที่แท้จริง แต่จากการประเมินน่าจะอยู่ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ หรือหนึ่งในพัน และผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม

 

ชีวิตต้องอยู่กับ "โควิด19" ตลอดไป การกักตัวในผู้ป่วย ก็จะใช้เวลาสั้นลง เป็น 7 วัน และดูแลป้องกันไม่ให้ติดคนอื่นด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมืออีกอย่างน้อย 3 วัน อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพราะว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว มีภูมิต้านทานบางส่วน และเมื่อติดเชื้อการกำจัดเชื้อ ให้หายไป เร็วกว่าคนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน 

 

เด็กนักเรียน ในสิงคโปร์ ปีที่ผ่านมา 2564 เปิดเรียนตามปกติ ใครป่วย ให้หยุดเรียน 7 วันและถ้าไม่มีอาการแล้วให้กลับมาเรียนได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK ด้วย เพราะเขาให้ความสำคัญกับการเรียนมาก เมื่อเทียบกับความรุนแรงของโรคในเด็กแล้ว น้อยกว่าในผู้ใหญ่มาก  เด็กสร้างภูมิต้านทานได้ดี และมีความรุนแรงน้อย ยกเว้นเด็กเล็กที่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งขณะนี้ก็ไม่มีวัคซีน และก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียน 

 

ถ้าเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ เราก็ใช้วิธีการให้หยุดเรียน จนกว่าไม่มีไข้ และอาการที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 วัน ก็สามารถไปโรงเรียนได้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าต้องหยุดถึง 10 วัน 

 

แนวโน้มในอนาคต เราจะต้องให้ความสำคัญของการศึกษา การหยุดเรียนของนักเรียน หรือการปิดโรงเรียน ควรจะต้องสั้นลง ถ้าเด็กส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีน หรือเคยติดเชื้อ เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ เด็กเล็กที่ไปโรงเรียน ติดเชื้อ RSV เราก็ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องหยุด 10 วัน เช่นเดียวกันไข้หวัดใหญ่ก็เหมือนกัน 

 

การติดเชื้อในเด็กนักเรียน ที่ได้รับวัคซีนมาครบแล้ว ควรจะหยุดเรียนอยู่บ้านเรียนออนไลน์  7 วัน ก็น่าจะเพียงพอ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการน้อย หรืออาการหายแล้ว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ