โควิด-19

ยอดเสียชีวิต "โอไมครอน" ไทยยังติด 1 ใน 10 โลก เปิด 3 ข้อ ผลวิจัย ภาวะ Long COVID

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอธีระ เผย ยอดเสียชีวิต "โอไมครอน" ในไทยยังติดอันดับ 7 ของโลก พร้อมเปิด 3 ข้อ ผลวิจัยเกี่ยวกับ ภาวะ Long COVID แนะการสวมหน้ากากอนามัยยังเป็นสิ่งสำคัญ

สถานการณ์การระบาด "โอไมครอน" เมื่อวานนี้ทั่วโลกติดเพิ่ม 290,481 คน ตายเพิ่ม 669 คน รวมแล้วติดไป 535,721,823 คน เสียชีวิตรวม 6,321,168 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีเหนือ ไต้หวัน บราซิล สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

โดย "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน) เปิดเผยถึง สถานการณ์ระบาดของไทย จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนติดเชื้อที่รายงานของไทยนั้นไม่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นได้ เพราะหลัง 1 มิ.ย. มีการประกาศปรับมารายงานเพียงจำนวนคนป่วย ไม่ใช่รายงานการติดเชื้อใหม่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

 

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย ถึงแม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมา จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานคิดเป็น 11.53% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย (อย่างไรก็ตามหากปรับตามคาดประมาณสัดส่วนของคนที่มีโรคร่วมเหมือน UK จะพบว่าคิดเป็น 15.85%

 

บทเรียนเรื่องวัคซีนในปี 2564 และสิ่งที่ควรทำ วัคซีนที่ได้รับการเรียกร้องจากบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในสังคมให้จัดหามาตั้งแต่ต้น และหามาตั้งแต่เนิ่นๆ คือ วัคซีน mRNA ที่มีหลักฐานวิชาการพิสูจน์ชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพดีเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน

 

ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง อยากให้ทุกคนได้เรียนรู้และจดจำให้ดี
ณ ปัจจุบัน ด้วยข้อมูลทางการแพทย์ที่มีนั้น สิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ไขสถานการณ์ และรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดประเทศซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดมากขึ้น โดยการตรวจคัดกรองโรคลดลงไปนั้น คือ การเร่งรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย mRNA vaccines ส่วนวัคซีนชนิดอื่นนั้น ความจำเป็นต้องใช้ลดลง ควรสำรองไว้สำหรับคนที่ไม่สามารถรับวัคซีน mRNA ได้

 

อัพเดต Long COVID

Zeng N และคณะ จากประเทศจีน ได้เผยแพร่ผลการทบทวนข้อมูลวิชาการอย่างเป็นระบบจากงานวิจัย 151 ชิ้นจาก 32 ประเทศ รวมกลุ่มตัวอย่าง 1,285,407 คน และวิเคราะห์อภิมานอย่างละเอียด เกี่ยวกับการเกิดภาวะ Long COVID เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ระดับสากล Molecular Psychiatry ในเครือ Nature วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา

 

สาระสำคัญคือ

หนึ่ง อัตราการพบภาวะ Long COVID ในคนที่เคยติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 โดยเฉลี่ย 50.1% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 45.4%-54.8%) โดยงานวิจัยต่างๆ ประเมินไปจนถึง 12 เดือนหลังการติดเชื้อ

สอง คนที่เคยติดเชื้อแล้วแล้วมีอาการรุนแรง หรือสูงอายุ จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ Long COVID มากกว่า

สาม คนที่ติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยนั้นพบว่ามีเรื่องโรควิตกกังวล และปัญหาด้านความจำ (memory impairment) บ่อย 

 

งานวิจัยนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ ในขณะเดียวกัน คนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ก็จำเป็นต้องหมั่นดูแล คอยสังเกตสถานะสุขภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีความผิดปกติ ควรไปตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะ "ภาวะ Long COVID" นั้นเป็นได้หลากหลายระบบในร่างกาย รวมถึงปัญหาทางอารมณ์และจิตใจด้วย

 

การใส่หน้ากากเป็นหัวใจสำคัญ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในสังคมที่ยังมีการระบาดสูงกว่าประเทศอื่นๆ หลายประเทศทั่วโลก และมีความเสี่ยงจากกิจกรรม และสถานที่ต่างๆ ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน

 

logoline