โควิด-19

อัปเดต "โอไมครอน" XE อาจไม่ได้เเพร่เชื้อเร็วอย่างที่คิด

อัปเดต "โอไมครอน" XE อาจไม่ได้เเพร่เชื้อเร็วอย่างที่คิด

10 เม.ย. 2565

"โอไมครอน" XE อาจไม่ได้เเพร่เชื้อเร็วอย่างที่กังวล เเต่ส่งผลด้อยประสิทธิภาพวัคซีน ใช้ยาต้านไม่ได้ผล กระทบ Long covid

ภายหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด "โอไมครอน" สายพันธุ์ผสม ล่าสุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รายงานว่า สายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" อาจจะไม่ได้แพร่ติดต่อรวดเร็วอย่างที่กังวลกัน

 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์อธิบายถึงรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสลูกผสม "โอไมครอน XE" ที่พบในประเทศไทย ผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ว่า 
 


 

"โอไมครอน" สายพันธุ์ลูกผสม "XE" เกิดจากการผสมจีโนมของสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2  รวมกันในสัดส่วนประมาณ 35:65% ซึ่งทาง WHO ได้แจ้งเตือนให้ทุกประเทศช่วยกันจับตามอง

เนื่องจากพบการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ประมาณ 10%  และ รวดเร็วกว่าโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ประมาณ 43%  ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะสรุปถึงความรุนแรงในการก่อโรคโควิด-19

 

ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ได้ตรวจพบสายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" จาก "สวอป" ส่งตรวจจากผู้ติดเชื้อในกลุ่มสีเขียว ซึ่งมีอาการเพียงเล็กน้อย ปัจจุบันหายดีแล้ว และหลังจากแพทย์ผู้รักษาได้รับการแจ้งถึงสายพันธุ์ไวรัสของผู้ติดเชื้อรายนี้ ทาง รพ. ที่ดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่พบการระบาดจากผู้ติดเชื้อรายนี้ (index case) ไปยังผู้ใกล้ชิดแต่อย่างใด ด้วยการตรวจด้วย ATK

ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมประมาณ 30,000 ตำแหน่ง (base) ของไวรัสตัวนี้และแชร์ไปยังฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” เป็นที่เรียบร้อยโดยได้รับลำดับหมายเลขในการสืบค้นคือ “EPI_ISL_11720091”  

อัปเดต \"โอไมครอน\" XE อาจไม่ได้เเพร่เชื้อเร็วอย่างที่คิด

 

เมื่อใช้โปรแกรม Nextclade v1.14.0 (https://clades.nextstrain.org/) ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยกำหนดสายพันธุ์  กำหนดตำแหน่งการกลายพันธุ์ และแสดงคุณภาพของรหัสพันธุกรรมที่ถอดรหัสได้ (Clade assignment, mutation calling, and sequence quality checks) เข้ามาสร้าง ต้นไม้วิวัฒนาการชาติพันธุ์ (phylogenetic tree) ร่วมกับไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์หลัก  สายพันธุ์ย่อย และบรรดาสายพันธุ์ลูกผสมจากทั่วโลก  พบว่าไวรัสตัวนี้มีรหัสพันธุกรรมจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสเป็นลูกผสม "โอไมครอน XE" 

อัปเดต \"โอไมครอน\" XE อาจไม่ได้เเพร่เชื้อเร็วอย่างที่คิด

องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาแจ้งเตือนประชาคมโลกถึงการอุบัติขึ้นของสายพันธุ์ลูกผสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" ที่ก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการกลายพันธุ์แบบก้าวกระโดด ซึ่งอาจส่งผลต่อ...

1. การระบาดของสายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" ที่อาจเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน "BA.2" ในอนาคตอันใกล้

2. การตรวจกรองด้วย ATK หรือ PCR ที่อาจไม่ถูกต้อง 

3. การป้องกันการติดเชื้อด้วยวัคซีนที่อาจด้อยประสิทธิภาพลง 

4. การรักษาด้วยยาต้านไวรัสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนติบอดีสังเคราะห์ที่อาจลดประสิทธิภาพหรือไม่ได้ผล

5. ผลกระทบต่ออาการ "ลองโควิด”

 

สายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" พบแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศอังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมของประเทศอังกฤษ (ร้อยละ 20 จากตัวอย่างที่ตรวจ PCR ให้ผลเป็นบวก) พบ "โอไมครอน XE" ประมาณ 600 รายเมื่อต้นเดือนมกราคม 2565 และปลายเดือนมีนาคม 2565 เพิ่มเป็น 736 ราย อันแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่าสายพันธุ์ลูกผสม "โอไมครอน XE" อาจจะไม่ได้แพร่ติดต่อรวดเร็วอย่างที่เรากังวลกัน

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์  รพ. รามาธิบดีได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), มูลนิธิรามาธิบดี,  Wellcome Trust (องค์กรการกุศลด้านการวิจัยชีวการแพทย์ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ) และ มูลนิธิ เอดส์ เฮลท์ แคร์/เอเอชเอฟ (องค์กรระหว่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา) ให้ทำการศึกษา ธรรมชาติการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันเพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแล ป้องกัน และรักษาโรคโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แก่ประชาชนผ่านสื่อสารมวลชนเพื่อปรับเปลี่ยน "ความตื่นตระหนก" ให้เป็น "ความตระหนัก" ให้ประชาชนไทยได้รับทราบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มเข้าสู่ภาวะของ "โรคประจำถิ่น" ที่ระบบสาธารณสุขของประเทศสามารถควบคุมการระบาดได้