โควิด-19

"โอไมครอน" BA.2 ระบาดหนักในแคนาดา อย่าหลงเชื่อให้ถอดหน้ากากอยู่กับโควิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โอไมครอน" BA.2 ระบาดหนักในแคนาดา หมอธีระเผยชัดเจนระบาดไวขึ้น เตือนสติอย่าหลงเชื่อถอดหน้ากากอนามัยแล้วใช้ชีวิตอยู่กับโควิด เสี่ยงถึงชีวิตได้

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ "หมอธีระ" อัปเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" หรือ "โอมิครอน" Omicron โดยโพสต์เฟซบุ๊กล่าสุด Thira Woratanarat  ระบุว่า  10 เมษายน 2565  ทะลุ 498 ล้าน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 804,428 คน ตายเพิ่ม 2,144 คน รวมแล้วติดไปรวม 498,328,691 คน เสียชีวิตรวม 6,201,139 คน  5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น  เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก  จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 86.47 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 80.87  การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 40.91 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ  37.68

รศ.นพ. ธีระ ระบุต่อว่า สถานการณ์ระบาด "โอไมครอน" ของไทย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย  ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้าน Omicron BA.2 ใน Ontario,Canada ล่าสุดทาง Public Health Ontario (PHO) ประเทศแคนาดาได้ออกรายงานประเมินสถานการณ์การระบาดจาก BA.2 ในออนตาริโอ ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา  พบว่า มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าการระบาดที่หนักขึ้นนั้นสัมพันธ์กับการผ่อนคลายมาตรการใส่หน้ากาก ทำให้นอกจากการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีอัตราการตรวจพบว่าติดเชื้อสูงขึ้น และจำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนรพ.เพื่อรับการดูแลรักษามากขึ้นด้วย ทั้งนี้ประเมินว่าสายพันธุ์  BA.2 แพร่ได้เร็วกว่าเดิม และจะทำให้มีเด็กที่ติดเชื้อมากขึ้น ป่วยรุนแรงมากขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อทั้งรพ.ที่ดูแลเด็กป่วย และปัญหาด้านการเรียนของเด็ก

 

รายงานของ PHO นี่ตอกย้ำให้เราเห็นความสำคัญของการใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อแพร่เชื้อท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง  ไม่ควรหลงคารมที่นำด้วยกิเลสว่าจะให้ถอดหน้ากาก อยู่กับโควิด-19 แบบเพื่อนเกลอหวัดธรรมดา  เพราะหากติด ป่วย ตาย หรือเป็น Long COVID คนที่ปลุกปั่นประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้มาเหลียวแลดูแล ปล่อยให้คนติดกับดักคารมต้องรับกรรมเสียค่าโง่ไปด้วยชีวิต ภาวะสุขภาพ และแบบรับค่าใช้จ่ายระยะยาว

 

อย่างไรก็ตาม ย้ำอีกครั้งว่า สถานการณ์ระบาดของไทยเรายังรุนแรง กระจายทั่ว สิ่งที่ใช้รักษากันเป็นหลักตอนนี้ก็แตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้ว วัคซีนเข็มกระตุ้นก็ยังครอบคลุมประชากรส่วนน้อยราวหนึ่งในสาม  หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่พฤติกรรมป้องกันตัวส่วนบุคคล คือ การใส่หน้ากากซึ่งถือเป็นด่านสำคัญที่สุด และเว้นระยะห่างจากคนอื่น ไม่กินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่นสงกรานต์นี้ ดูแลตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ปลอดภัยเถิดครับ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ