โควิด-19

หมอยง รับ "วัคซีน" แค่ลดป่วยหนัก หยุดแพร่ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องอยู่กับโรค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอยง" ยอมรับการฉีด "วัคซีน" ป้องกันการแพร่ระบาดไม่ได้ แต่ลดอัตราความรุนแรงได้ แนะใช้ชีวิตอยู่กับโรคนี้ให้ได้

จากสถานการณ์การแพร่ระบาด "โควิด-19" ที่มีการระบาดอย่างหนัก ยอดผู้ติดเชื้อยังอยู่ในหลักหมื่นต่อวัน ล่าสุด "หมอยง" ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค "Yong Poovorawan" เปิดเผยว่า เมื่อปี 2564 พบว่า "วัคซีน" ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ยังคงพบการระบาดอย่างมาก ประสิทธิภาพของวัคซีนเหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ไม่สามารถจะกำจัดหรือลดการระบาดลง

ในแต่ละปีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามสายพันธุ์ การให้ "วัคซีน" 3 เข็ม 4 เข็ม หรือแม้กระทั่งติดเชื้อแล้วก็ยังติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการความรุนแรง "ลดลง"

 

 

และในปีนี้ 2565 โรคยังคงระบาดอย่างมาก ความรุนแรงลดน้อยลง อัตราการเสียชีวิตลดลง จากที่เคยสูง 1-2 %  ลดลงมาเหลือ 1-2 ในพัน (0.1 - 0.2%) ของผู้ติดเชื้อ (รวม ATK) ส่วนใหญ่เป็นในกลุ่มผู้เปราะบาง หรือ 608  ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนไม่ครบ โดยทั่วไปผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงและได้รับวัคซีนแล้วติดเชื้อได้ ความรุนแรงของโรคจะลดลง แต่ก็ยังสามารถแพร่กระจายโรคได้ ในเด็กปกติโรคมีความรุนแรงน้อยกว่า ยกเว้น เด็กทารก และเด็กที่มีโรคประจําตัว

 

 

"หมอยง" ระบุเพิ่มเติมว่า เราต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ในการอยู่กับโรคนี้ให้ได้ ต่อไปวัคซีนพาสปอร์ตที่จะต้องฉีด 2 เข็ม 3 เข็มก็จะมีความหมายน้อยลง การสืบสวนโรค ว่าติดจากใครจะทำได้ยาก และปัจจุบันแทบไม่ต้องถาม timeline กันอีกต่อไปแล้ว เราไม่ควรรังเกียจคนที่เป็น และต้องยอมรับ เปรียบเสมือนเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง ไม่แสดงความรังเกียจผู้ป่วย เราจะต้องอยู่ด้วยกันกับโรคนี้

 

การตั้งรับ "โควิด-19" ในวันนี้ คือ ปกป้องกลุ่มเปราะบาง เช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ เรารู้ว่าไข้หวัดใหญ่ เป็นอันตรายในกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มเดียวกันกับโควิด 19 เราให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี คนอ้วน คนมีโรคประจำตัวเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจ โรคไต โรคตับ โรคหัวใจ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การเปิดประเทศมีความจำเป็น ผู้ตรวจพบเชื้อเดินทางเข้ามา พบวันละ 50-60 ราย ถือว่าน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจพบเชื้อในบ้านเรา 50,000 - 60,000 รายต่อวัน

 

 

วัคซีนพาสปอร์ตต่อไปก็ไม่มีความหมาย เพราะฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้ การตรวจเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศ ก็จะเหลือแต่ ATK และต่อไปก็จะตรวจเฉพาะผู้มีอาการ เช่น มีไข้ก็เพียงพอ การตรวจหาเชื้อในประเทศ ก็คงจะต้องเป็นแบบไข้หวัดใหญ่ จะตรวจเฉพาะผู้มีอาการ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงเพื่อให้ยารักษา

 

 

เมื่อพึ่งวัคซีนไม่ให้ติดเชื้อไม่ได้ ยาที่ใช้รักษาต่อไป จะมีความหมาย และมีความจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง จึงมีการศึกษาหายาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อไว้ปกป้องกลุ่มเสี่ยงให้เกิดอันตรายน้อยลง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ