โควิด-19

"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ อีกนานกว่าจะจบ ดร.สันต์ ชี้ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี-ข่าวร้าย กับ 4 บทสรุปและทางเลือก

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษ นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ว่า Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บ ๆ อีกนานกว่าจะจบ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เวลาผ่านไป 3 เดือน ใน Wave#5 ของ "โอไมครอน" Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย

 

1. ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที 
2. ติดเชื้อกันจริง ๆ วันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง 
3. เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่ 
4. ทำอย่างไรถึงจะรอด 

 

ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์ 

 

 

"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย

 

สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present 

 

1. Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมาก ๆ ไม่จบจนบัตนี้
2. ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
3. ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว
4. คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อย ๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆเดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้ 

 

 

"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย
 

ตัวเลขและกราฟ:

กทม. :
1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 84 วัน ซึ่งช้าเกินไป 
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้ 
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ระดับ 3,000 ต่อวันไปอีกนาน และอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์
4. ผู้ติดเชื้อที่แท้จริงใน กทม. ถ้าดูจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงเกินจริงถึง 0.4% ถ้าเทียบกับสิงคโปร์ ที่แค่ 0.05 - 0.1% ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงต่อวันใน กทม.ควรจะอยู่ที่ระดับ 10,000 - 30,000 คน
5. ถ้ากทม.ไม่จบ จังหวัดอื่น ๆ จะกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่อง 

ประเทศไทย: Present & Future 

 

1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้า ๆ ที่ Time Constant ยาวนานถึง 65 วัน
2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้ 
3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ต่อวันในระดับมากกว่า 20,000 ไปอีกอย่างน้อยถึง 15 มิ.ย. และยังคงมากกว่า 10,000 ไปจนถึง 1 ส.ค. แต่ตัวเลขอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์ และเลวร้ายกว่านี้ ถ้าฉีด Booster ไม่พอ 
4. กราฟ %Increase ของ RT-PCR+ATK เปลี่ยนแปลงลดลงเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว น่าจะมาจากการตรวจที่ลดลงมาก
5. Daily Case RT-PCR+ATK ถ้าคำนวณตามเส้นแนวโน้มเดิม 31/3/2022 ผู้ติดเชื้อน่าจะอยู่ที่ระดับ 130,000 คนต่อวัน ไม่ใช่ 40,000 -50,000 คน 
เท่าที่ตรวจพบ
6. อัตราการเสียชีวิตถ้าคำรวณจากฐานกราฟ RT-PCR+ATK 130,000 คน คิด Delay 19 วัน จะได้ อัตราการเสียชีวิต 0.12% สอดคล้องกับระดับวัคซีนที่เป็นจริง และเท่า ๆ กับในต่างประเทศ 
7. อัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงจากระดับ 0.2% มาเข้าใกล้เส้น 0.1% ถ้าฉีด Booster ได้เพิ่ม อาจจะลดลงได้ถึง 0.05% ซึ่งจะทำให้ผู้เสียชีวิต ในกรณีเลวร้ายสุดไม่เกิน 200 คนต่อวัน
8. การติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตรวจเชื้อน้อย อาจไปถึงระดับวันละ 500,000 คน ช่วงปลายพ.ค. แต่เราจะไม่มีวันได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
9. ถ้าฉีดวัคซีนมากพอ ตัวเลข RT-PCR สำหรับคนที่ต้องเข้ารพ. จะต่ำสุดได้ถึง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ติดเชื้อจริง 500,000 RT-PCR ก็อาจลงต่ำได้ถึง 10,000 ต่อวัน 
10. ถ้าควบคุมไม่ได้เลย เราจะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด Herd Immunity ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. 2022 แล้วการติดเชื้อจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกด้วยผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 - 40,000 คน

India Model: ข่าวดีและข่าวร้าย 

 

ข่าวดี: 

เกิด Herd Immunity แล้ว เพิ่งผ่านเทศกาลละเลงสีมาโดยไม่เกิด Wave ใหม่เลย Omicron สามารถจบได้จริง

ข่าวร้าย: 

เสียชีวิตรายงาน 521,159 ตัวเลขจริงจาก Excess Death น่าจะถึง 7 ล้านคน
ติดเชื้อรายงาน 43,024,440 คน ตัวเลขจริงอาจถึงพันล้านคนแล้ว 
อายุเฉลี่ยประชากร 28 ปี เด็กกว่าไทยถึง 12 ปี ยังเจ็บขนาดนี้ 

บทสรุปและทางเลือก:

1. ประเทศไทยตอนนี้เราตรวจเชื้อน้อย ควบคุมโรคไม่ได้แล้ว น่าจะไปทาง Herd Immunity แบบอินเดีย ผสมกับการฉีดวัคซีนให้อัตราการเสียชีวิตต่ำ
2. อาจจะเกิด Herd Immunity ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ใครรักสุขภาพขอให้อดทนรอ เพื่อเป็น 30% สุดท้ายที่อาจรอดจากการติดเชื้อ หรืออย่างน้อยก็เสี่ยงต่ำ 
3. ความสำเร็จในการชะลอการระบาดและเร่งฉีด Booster ที่ผ่านมาทำให้ผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นราว ๆ 20,000 -40,000 คน น้อยกว่ากรณีฉีดไม่ทันมากที่ระดับ 1-2 แสนคน  
4. คน 3 ประเภท คนรักสุขภาพ ขอให้อดทนเก็บตัวอีก 4 เดือน คนอดทนไม่ไหวก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วยอมรับความเสี่ยง คนไม่ยอมฉีดวัคซีนและอดทนไม่ไหว ก็จะเสี่ยงตายมากกว่าคนอื่น ๆ 10 - 40 เท่า

 

"โอไมครอน" สู้แบบเจ็บ ๆ เข้าสู่ India Model มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย

พวกเราอยู่ใน Wave Omicron นี้ ที่ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่ามันจะสั้น ขึ้นเร็วลงเร็ว แต่เวลา 3 เดือนได้พิสูจน์แล้วว่า  Wave มันไม่ลงถ้าไม่ควบคุมโรคจริงจัง ไม่ฉีดวัคซีนที่ดี และมากพอ ไม่ปฏิบัติตามกฎอะไรกันเลย และใช้ชีวิตกันด้วยความประมาทเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมาแล้ว สายเกินกว่าจะแก้ไขหรือกลับไป Lockdown ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาอีก มันจะจบภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ละคนก็จะสามารถเลือกวิธีจบได้แตกต่างกันไป ณ วินาทีนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นอยู่รอด ผู้ใดโชคดี ผู้นั้นก็อยู่รอด แต่ถ้าไม่อยากเพิ่มโชคมากนัก ก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วดูแลสุขภาพครับ 

 

ปล. คำว่าจบที่ว่า น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องวันละหลายหมื่นคน ผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบ ในแต่ละปีโควิดจะเป็นสาเหตุการตายหลายหมื่นคน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเท่านั้น แต่ชีวิตพวกเราส่วนใหญ่จะกลับมาเดินหน้าไปได้ตามปกติครับ นี่คือ Endemic ที่อาจไม่ได้สวยหรู แต่ก็ต้องจำใจอยู่กับมันครับ

 

 

 

 

ขอบคุณ Sunt Srianthumrong

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ