"เทียบอาการโควิดกับไข้หวัด" ใกล้จนแยกยาก แต่มีความต่าง เช็คเลยเป็นอะไรแน่
"เทียบอาการโควิดกับไข้หวัด" และไข้เลือดออก เช็คแบบละเอียด ลักษณะอาการไหนเข้าข่ายเป็นโรคอะไร เพราะทั้ง 3 โรค อาการใกล้เคียงแยกกันลำบาก ดูชัด ๆ ก่อนแพนิค
เกาะติดสถานการณ์การระบาดของ "โควิด19" ที่ขณะนี้ทำให้มีอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น รวมอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้นการป้องกันตัวเลข และการมั่นสำรวจตัวเองจึงเป็นวิธีที่จะทำให้เราสามารถรู้ทัน และรักษาได้ทัน รวมทั้งยังช่วยลดอาการแพนิคได้อีกด้วย วันนี้ "คมชัดลึกออนไลน์" ได้รวมรวบอาการโอไมครอน อาการไข้หวัดใหญ่ และอาการไข้เลือดออก เพื่อให้ประชาชนได้ลองสังเกตุอาการเพื่อ "เทียบอาการโควิดกับไข้เลือดออก" และ "เทียบอาการโควิดกับไข้หวัด" กันแบบชัด ๆ ว่าตกลงแล้วเราเป็นอะไรกันแน่ เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาให้ถูกต้อง และถูกวิธี
อาการโอไมครอน "โอไมครอน" เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ของโควิด ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ทางละอองฝอย เสมหะน้ำลาย ผ่านการสัมผัสเยื่อบุตา จมูก ปาก
อาการ "โอไมครอน" มีดังนี้
- มีไข้
- ไอ เจ็บคอ
- ปวดกล้ามเนื้อ
- มีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ
- หายใจลำบาก
- ได้กลิ่นลดลง
ลักษณะการติดเชื้อโควิดโอไมครอนจะเป็นการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนไม่ได้ลงปอด ส่วนใหญ่ติดแล้วอาการไม่หนักมาก คล้ายกับเป็นไข้หวัด ในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมักจะอาการไม่รุนแรง บางครั้งอาจจะไม่แสดงอาการเลยจึงทำให้มีอัตราการแพร่ระบาดเร็ว และส่งผลให้มีคนติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
"เทียบอาการโควิดกับไข้หวัด" โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus)อาการโดยทั่วไป มักจะไม่รุนแรง และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วไป อาการทั่วไปคล้ายกับโควิดโอไมครอนค่อนข้างมาก คือ
- มีไข้สูงเกิน 38 องศาฯ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
- ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หนาวสั่น
- เบื่ออาหาร
- คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ
- บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
อย่างไรก็ตาม โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง โดยสามารถฉัดวัคซีนได้ทุกเพศทุกวัน
"เทียบอาการโควิดกับไข้เลือดออก" อาการไข้เลือดออก : โรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการ มีไข้ให้เช็ดตัวและรับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้เท่านั้น ห้ามใช้แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย อาจให้ดื่มนม นํ้าผลไม้ หรือนํ้าเกลือแร่ร่วมด้วย
อาการไข้เลือดออกที่แสดงออกอย่างชัด ๆ มีดังนี้
- มีไข้สูงแบบเฉียบพลัน และต่อเนื่องเป็นเวลา 2-7 วัน
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ส่วนใหญ่มีอาการหน้าแดง
- อาจมีจุดแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา
- ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก
- มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องและเบื่ออาหาร
ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการไข้ลดลงอย่าเพิ่งวางใจ เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกจนกระทั่งเสียชีวิตได้ หรือหากมีไข้สูงต่อเนื่องกว่า 2 วัน แม้จะเช็ดตัวหรือทานยาลดไข้แล้วก็ไม่ดีขึ้น ให้สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกไว้ก่อน และรีบพบแพทย์