โควิด-19

เทียบชัดประสิทธิภาพวัคซีน "โมเดอร์นา" และ "ไฟเซอร์" ในการป้องกันโควิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีน "โมเดอร์นา" และ "ไฟเซอร์" สำหรับการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 พบโมเดอร์นาติดเชื้อหลังฉีด 0.59% ไฟเซอร์ 0.84 %

วารสาร New England Journal of Medicine แสดงผลการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19  mRNA-1273 "โมเดอร์น่า" และวัคซีน BNT162B2  "ไฟเซอร์"  ในประเทศกาตาร์  โดยทำการประเมินการเกิดการของการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากการได้รับวัคซีน "โมเดอร์นา" และวัคซีน "ไฟเซอร์" เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ระหว่างวันที่ 21 ธ.ค. 2563-20 ต.ค. 2564

 

จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ได้รับ "วัคซีนโมเดอร์นา" ครบ 2 เข็ม จำนวน 192,123 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 878 ราย มีเพียง 3 รายที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่พบรายที่รุนแรงขั้นวิกฤตหรือนำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนในกลุ่มของผู้ที่ได้รับ "วัคซีนไฟเซอร์" ครบ 2 เข็ม จำนวน 192,123 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 1,262 ราย มี 7 รายที่มีอาการรุนแรง และ 1 รายที่เสียชีวิต โดยการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับวัคซีนครบแล้วทั้งสองกลุ่มจะมีความสัมพันธ์กับภูมิคุ้มกันที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

ข้อระบุ ว่า จากการติดตามผลหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้วเป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่า กลุ่มที่ได้รับวัคซีน "โมเดอร์นา" มีการติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 0.59% ส่วนกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ มีการติดเชื้อสะสมภายหลังจากได้วัคซีนนั้นสูงกว่า อยู่ที่ 0.84% 

 

เทียบชัดประสิทธิภาพวัคซีน "โมเดอร์นา" และ "ไฟเซอร์" ในการป้องกันโควิด

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าในกลุ่มประชากรที่ได้รับวัคซีน "โมเดอร์นา" จะแนวโน้มการติดเชื้อโควิด-19 และการติดเชื้อชนิดที่รุนแรงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีน "ไฟเซอร์"  โดยความแตกต่างของวัคซีนทั้งสองนี้จะเริ่มแสดงให้เห็นตั้งแต่ได้รับวัคซีนเข็มแรกผ่านไปแล้ว 3สัปดาห์

 

อย่างไรก็ตาม สรุปแล้ว "วัคซีนโมเดอร์นา" จะพบอัตราการติดเชื้อภายหลังการได้รับวัคซีนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ "วัคซีนไฟเซอร์" ซึ่งมีความซึ่งมีสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้าที่แสดงถึงระดับภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันในผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งสอง

 

 

ที่มา
Abu-Raddad, Laith J et al. “Effectiveness of mRNA-1273 and BNT162b2 Vaccines in Qatar.” The New England journal of medicine, 10.1056/NEJMc2117933. 19 Jan. 2022, doi:10.1056/NEJMc2117933

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ