Kick-off "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" 5-11 ปี 31 มกราคมนี้ กระจายพร้อมกันทั่วประเทศ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าว ประเด็นการจัดหาและการกระจายวัคซีนไฟเซอร์เด็กอายุ 5-11 ปี ว่า "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" ซึ่งเป็นเด็กกลุ่มใหม่ที่มีการอนุญาตให้ใช้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้เร่งรัดให้ฉีดวัคซีนในเด็ก 5-11 ปี ซึ่งวัคซีนที่นำเข้ามาในครั้งนี้เป็น วัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (pediatric formulation dose) หรือ "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" เป็นวัคซีนชนิดเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย เป็นวัคซีนที่ใช้ได้เด็กอายุ 5-11 ปี ตามขนาดและข้อบ่งใช้ที่กำหนดที่กระทรวงสาธารณสุขและราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำ

ขณะนี้ "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" ล็อตแรก จำนวน 3 แสนโดส เข้าถึงประเทศไทยแล้ว และจะทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยได้รับแจ้งจากบริษัทผู้ผลิตว่า จะได้รับการส่ง "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" สูตรสำหรับเด็ก ในช่วงไตรมาสที่ 1 เป็นจำนวน 3.5 ล้านโดส รวมทั้งหมดที่ทำการสั่งซื้อ เป็นจำนวน 10 ล้านโดส โดยคณะรัฐมนตรีได้รับอนุมัติงบประมาณในการจัดซื้อเรียบร้อย น่าจะเพียงพอสำหรับเด็กเล็ก 5-11 ปี

สำหรับ "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" ที่เข้ามาถึงไทยในวันนี้ ต่อจากนี้ขั้นตอนต่อปจะเป็นการส่งวัคซีนให้ทางกรมวิทยาศาสตร์แพทย์ได้ตรวจสอบคุณภาพ ก็จะทำการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศพร้อมกัน

เนื่องจาก "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม" สูตรสำหรับเด็ก  ที่มีความแตกต่างจากวัคซีนทั่วไปซึ่งวัคซีนไฟเซอร์เดิม 1 ขวด สามารถฉีดได้ 6 คน ในผู้ใหญ่ โดยจะใช้ในปริมาณ 0.3 ซีซี แต่ในวัคซีนสูตรสำหรับเด็กนั่นฝาจะแตกต่างกันชัดเจน โดยในของเด็กจะมีฝาสีส้ม ในตัวยาจะบรรจุสารเข้มข้นสำหรับกระจายตัว 1.3 มิลลิลิตร ในการเจือจางจะใช้สารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ปราศจากเชื้อสำหรับฉีดปริมาณ 1.3 มิลลิลิตรก่อนใช้ เมื่อผสมรวมกันจะได้ปริมาณ 2.6 มิลลิลิตร 1 ขวดสามารถฉีดได้ 10 คน โดยปริมาณการฉีดจะแตกต่าสงจากผู้ใหญ่และเด็กโต โดยใช้ในปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร หรือ 10 ไมโครกรัม/โดส

จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันทั้งจำนวนและปริมาณ อีกข้อดีของวัคซีนสูตรนี้ คือการจัดเก็บวัคซีนที่สูตรผู้ใหญ่ต้องจัดเก็บในตู้แช่แข็ง 70 องศา เมื่อเอาออกมาใช้แล้วต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ 2 - 8 องศา เพียง 4 สัปดาห์ แต่สูตรเด็กนี้สามารถเก็บได้สูงสุด 10 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อผสมแล้วก็ควรใช้ภายในเวลา 2-6 ชม.

อธิบดีกรมควบคุมโรค สำหรับกลุ่มเป้าหมายสำหรับ วัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (pediatric formulation dose) คือเด็กอายุ 5-11 ปี โดยการฉีดจะแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ฉีดที่รพ. และ ฉีดที่โรงเรียน โดยการฉีดที่โรงเรียนจะเป็นการฉีดเหมือนที่เคยฉีดในเด็กมัธยม

โดยครั้งนี้จะมีการฉีดที่โรงเรียนตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย โดยกำหนดว่า เด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เวลาเกิดโรคอาจเกิดอาการรุนแรงได้ โดย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังได้แก่ เด็กที่มีโรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึงหอบหืดที่อาการปานกลางหรือรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์เด็กที่ม่ภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัฒนาการช้า  7 กลุ่มโรคนี้จะให้ทางกุมารแพทย์ที่ดูแลเด็กนั้น ๆ พิจารณาดำเนินการในการฉีดวัคซีน ส่วนเด็กอื่น ๆ จะฉีดที่โรงพยาบาลเป็นหลัก

ส่วนกำหนดการการให้ "วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม"  ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จะมีการฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยในการฉีดที่ใช้โรงเรียนเป็นฐานจะกำหนดไว้ที่ 8 สัปดาห์ โดยการฉีดจะเป็นไปตามความประสงค์ของผู้ปกครองเป็นหลัก ไม่มีการบังคับฉีดวัคซีน

สำหรับอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง หายได้เอง อาจจะมีไข้ หนาวสั่น ปวด บวม รอยแดง บริเวณที่ฉีด ปวดหัว ปวดเมื่อตามกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานพยาบาลหรือสถานที่ฉีดวัคซีนเสมอ เป็นที่หน้าสังเกตว่า ถ้าเทียบกับวัคซีนที่ฉีดที่ฉีดเด็กโต ข้อมูลทั้งจากอเมริกา และ สิงคโปร์ ที่มีการฉีดก่อนหน้านี้ พบว่าผลข้างเคียงในเด็กเล็กจะน้อยกว่าในเด็กโต เนื่องจาปริมาณที่ฉีดค่อนข้างน้อยกว่าผลข้างเคียงจึงน้อยกว่า นับเป็นความสบายใจของผู้ปกครองที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

ขอยืนยันว่า ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (pediatric formulation dose)มาถึงประเทศไทยแล้ว และในวันที่  31  มกราคม 2565 จะดำเนินการ kick off ฉีดวัคซีนในเด็กเป็นครั้งแรก ในเด็กอายุ 5-11 ปี ที่สถานบันสุขภาพเด็กมหาราชินี ของกรมการแพทย์ต่อไป