โควิด-19

รู้มั้ย "ฉีดวัคซีน" กับป่วยจากติดโควิดในเด็ก แบบไหนเสี่ยงตายมากกว่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เช็คความเสี่ยงเด็ก "ฉีดวัคซีน" หรือ เด็กติดโควิดแบบไหนอาการรุนแรง เสี่ยงเสียชีวิตมากกว่ากัน พร้อมแนะแนวทางฉีดวัคซีนโควิดเด็กให้ปลอดภัย

รับแนวทางการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ในเด็กมีความสำคัญ  และมีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด สำหรับประเทศไทยได้มีการอนุมัติฉีด "วัคซีนโควิด" เพื่อฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยวัคซีนที่ใช้นั้นเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ฝาส้ม หรือวัคซีนโคเมอร์เนตี ซึ่งสูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร (มล.) เข้าบริเวณกล้าม 2 ครั้ง ห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยระยะห่าง 8-12 สัปดาห์ จะดีกว่า 3-4 สัปดาห์ เพราะจะได้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า

 

โดยจะเริ่มฉีด "วัคซีนโควิด" ให้เด็กนักเรียนได้สิ้นเดือนมกราคม 2565 นี้ อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนโควิดอาจสร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ปกครอง โดยเฉพาะผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น แต่หลายคนก็อาจจะกังวลเช่นกันหากบุตรหลานยังไม่ได้รับวัคซีนและติดโควิด-19 "คมชัดลึกออนไลน์" จะพาไปเช็คอาการจากการติดโควิด และอาการจากการฉีดวัคซีน แบบไหนมีความเสี่ยงมากกว่ากัน 

 

อาการของเด็กที่ติดโควิด-19  มีดังนี้ 

  • โควิด-19 สามารถมีอาการได้หลากหลายตั้งแต่ ไม่มีอาการเลย จนถึงปอดอักเสบรุนแรง หรือเสียชีวิต
  • ผู้ป่วยเด็กติดเชื้อส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 มีอาการไม่รุนแรง  เช่น ไข้ ไอ ปวดกล้ามเนื้อ 
  • ผู้ป่วยเด็กเพียงร้อยละ 5  เท่านั้นที่มีอาการรุนแรงหรือวิกฤติ เช่น ปอดอักเสบรุนแรง ระบบหายใจหรือระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว รวมถึงภาวะอักเสบหลายระบบในเด็ก
  • ผู้ป่วยเด็กสามารถพบติดเชื้อแต่ไม่มีอาการได้ประมาณร้อยละ 4
  •  ภาวะแทรกซ้อนพบได้น้อย มักพบในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น  เด็กเล็กอายุน้อยกว่า  1 ปี  ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว  เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคปอดเรื้อรัง หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 2

อาการหลังจากได้รับ "วัคซีนโควิด"

  • เจ็บในตำแหน่งที่ฉีด 79-86% 
  • อ่อนเพลีย 60-66% 
  • ปวดศีรษะ 55-66%
  • เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบในอัตรา 56-69 รายต่อ 1,000,000 โดสของวัคซีนที่ฉีด 
  • เด็กผู้หญิงพบในอัตราที่ต่ำกว่ามากอยู่ที่ประมาณ  4-5 รายต่อการฉีดวัคซีน 1,000,000 โดส

 

อาการที่ควรเฝ้าระวังหลังฉีด "วัคซีนโควิด"

  • หลังได้รับวัคซีนแล้ว ควรนั่งพักและสังเกตอาการของตนเองอย่างน้อย 30 นาที เหมือนกันกับผู้ใหญ่ โดยมีอาการที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษก็คือ
  • อาการแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก
  • หอบ เหนื่อยง่าย
  • ใจสั่น
  • หมดสติ เป็นลม รู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ

คำแนะนำก่อนฉีด "วัคซีนโควิด" 

  • ไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนชนิดอื่น ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 14 วัน ยกเว้นการฉีดวัคซีนที่มีความจำเป็นเช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อเด็กถูกสัตว์กัด
  • เด็กและวัยรุ่นหญิงที่มีประจำเดือน อยู่ในระยะหลังคลอด หรือให้นมบุตร สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้
  • เด็กและวัยรุ่นที่หายจากโรคโควิด-19 หรือโรคแทรกซ้อนจากโรคโควิด-19 และโรคคาวาซากิ (MIS-A หรือ MIS-C) ควรเว้นระยะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ห่างจากวันที่ตรวจพบเชื้อ 1-3 เดือน โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยพลาสมา ควรได้รับวัคซีนทันทีเมื่อครบกำหนด 90 วัน

 

 

อย่างไรก็ตามแนวทางในข้างต้นเป็นทางเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ปกครองในการพิจารณาให้บุตรหลานฉีดวัคซีน หรือจะให้เด็กเสี่ยงติดโควิดและมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ 


ที่มา : โรงพยาบาลศิครินทร์ 
มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก 
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาดไทย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ