เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าห่วงติด "โควิด-19" เพิ่มกว่า 145% ตายสูงขึ้น 12%
หมอธีระ เปิดรายงาน WHO ยอดติดเชื้อ "โควิด-19" สูงขึ้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แย่สุด สัปดาห์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 145% และตายเพิ่มสูงกว่าเดิม 12% สถิติสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก "โอไมครอน" ระบาดกว่า 99%
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่าน
เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" พร้อมเปิดรายงาน องค์การอนามัยโลก "โอไมครอน" แตกสาขาย่อย ครองการระบาด 99% ห่วงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบการระบาดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก โดยมีรายละเอียดว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเชื้อ "โควิด-19" เพิ่มสูงถึง 2,755,657 คน ตายเพิ่ม 7,372 คน รวมแล้วติดไปรวม 334,651,148 คน เสียชีวิตรวม 5,572,200 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อเมริกา อินเดีย อิตาลี และบราซิล
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 84.25 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 86.25
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 49.86 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 50.84 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 5 ใน 10 อันดับแรก และ 10 ใน 20 อันดับแรกของโลก
องค์การอนามัยโลก ออกรายงานล่าสุด WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อวานนี้ 18 มกราคม 2565
ทั่วโลกมีจำนวนคนติดเชื้อ "โควิด-19" เพิ่มรายสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า 20% ตายเพิ่มสูงขึ้น 4% ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นสถานการณ์แย่สุด ติดเชื้อรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 145% และตายเพิ่มสูงกว่าเดิม 12% จะเห็นได้ว่าสถิติตั้งติดเชื้อและตายสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก
ในการตรวจสายพันธุ์ของทั่วโลกรอบ 30 วันที่ผ่านมา พบสัดส่วนของ "โอไมครอน" สูงถึง 71.9% ส่วนเดลตาเหลือเพียง 28%
ขณะนี้ "โอไมครอน" (B.1.1.529) แตกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, BA.3 โดย BA.1 นั้นมีสัดส่วนครองการระบาดมากกว่า 99%
สถิติเรื่องการฉีดวัคซีน หากดูภาพรวมของทั้งโลก ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564 มีประชาชนในประเทศรายได้ต่ำเพียง 9% ที่ได้รับวัคซีนไปอย่างน้อย 1 โดส ในขณะที่ประชาชนในประเทศที่รายได้สูงนั้นได้รับไปแล้ว 66%
การระบาดแต่ละระลอกที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบมากมายทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยผลกระทบด้านสังคมนั้นเห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาความไม่เป็นธรรม และความไม่เพียงพอในเรื่องของวัคซีนและยานั้นจำเป็นต้องได้รับการจัดการแก้ไขทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะนานพอสมควร จนกว่า "โควิด-19" จะนิ่ง
อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมรับมือคือ ถัดจากนี้ไป "Long COVID" จะเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนขึ้น การป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งที่ควรทำ
ไม่ติดเชื้อจะดีที่สุด