โควิด-19

เปิดใจ หนุ่ม "ติดโควิดรอบ 2" ฉีดวัคซีน 2 โดส รอดมาได้ยังไง แนะวิธีสู้โรค

15 ม.ค. 2565

หนุ่ม "ติดโควิดรอบ 2" เล่าประสบการณ์การรักษาที่บ้าน "Home Isolation" แนะอย่าตื่นตระหนกเกินไป จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แค่ดูแลตัวเองให้ดี มั่นใจเป็นได้ก็หายได้

หนุ่ม "ติดโควิดรอบ 2" เล่าประสบการณ์การรักษาที่บ้าน "Home Isolation" แนะอย่าตื่นตระหนกเกินไป จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แค่ดูแลตัวเองให้ดี มั่นใจเป็นได้ก็หายได้

 

ปัจจุบันการแพร่ระบาดโควิด-19ระลอก 4 ที่นำโดยโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ได้แพร่ระบาดไปทั่วประเทศอย่างหนัก ใครที่ไม่เคยติด กลับติดกันจำนวนมาก แต่จะมีอะไรแย่ไปกว่า การติด "ติดโควิดรอบ 2" โดยห่างกันไม่กี่เดือนเหมือนชายหนุ่มคนนี้ วันนี้ทาง คมชัดลึกออนไลน์ จึงได้ทำการสัมภาษณ์โดยตรงกับเขา โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังนี้

 

1.ติดโควิดครั้งแรกช่วงไหน ห่างจาก "ติดโควิดรอบ 2" ประมานกี่เดือน

ช่วงเดือนกรกฎาคมครับ ติดครั้งที่ 2 ต้นเดือน มกราคมที่ผ่านมา ห่างจากครั้งที่ 2 ประมาณ 5 เดือน  

 

 

2.ครั้งแรกที่ติดฉีดวัคซีนหรือยัง

ยังไม่ได้รับวัคซีนใด ๆ ครับ

 

3. ฉีดวัคซีนยี่ห้ออะไรห่างจากช่วงที่ "ติดโควิดรอบ 2" กี่เดือน

ฉีด Astra Zeneca รอบแรกเดือนกันยายน รอบสองเดือนพฤศจิกายน ห่างเพียงเดือนเดียว 

 

4.อาการเบื้องต้น หรือความเสี่ยงที่ทำให้ต้องตรวจหาเชื้อโควิด

ตอนแรกยังไม่มีอาการครับ แต่มีความเสี่ยงสูงเพราะได้สัมผัสตัวพี่ชาย ที่เพิ่งติดเชื้อโควิด-19มาหมาด ๆ

5.ตรวจ ATK กี่รอบถึงเจอว่าติดโควิด

รอบแรกครั้งเดียวก็เจอเลย หลังจากสัมผัสตัวพี่ชายเพียงวันสองวัน "ติดโควิดรอบ 2" เนี่ยสิ พอรู้ว่าคนรอบข้างที่ออกไปข้างนอกด้วยกันมีอาการ แล้วตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด เราก็ซื้อมาตรวจเลยทันที 2 อัน ตรวจยังไงก็ขึ้นขีดเดียว เลยรออีกสองวันอาการเริ่มมาเล็กน้อย เราตรวจซ้ำก็เจอเชื้อเลยครับ

 

 6.อาการ "ติดโควิดรอบ 2" เป็นยังไง รุนแรงมั้ย ต่างจากรอบแรกมากไหม

ต่างกันมากครับ รอบแรกหนักมาก ปวดหัวหนัก ไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ไอไม่หยุด ท้องเสีย โดยอาการจะหนักประมาณ 3-5 วันแรก จากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ส่วน "ติดโควิดรอบ 2" มีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ ท้องเสีย ไอแห้ง ปวดหัว ประมาณ 2-3 วัน จากนั้นก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยประมาณครั้งแรก ครบ 14 วันก็หายครับ ครั้งที่ 2 ประมาณ 10 วัน 

 

7.รักษาตัวอย่างไร หลังจากรู้ว่าตัวเองติดโควิดทั้ง 2 ครั้ง 

 

รักษาตัวด้วยการทำ "Home Isolation" ทั้งสองครั้ง ด้วยความที่รอบแรกก็เป็นจังหวะที่ภาวะการแพร่ระบาดรุนแรง ทำให้การหาเตียงค่อนข้างยาก (ด้านพี่ชายทางโรงพยาบาลได้มารับตัวไปรักษาก่อนแล้ว) เราโทร "สายด่วนโควิด" 1330 ไปเค้าก็บอกจะหาเตียงให้ แต่สุดท้ายเค้าก็ให้เข้ารับการรักษาแบบ "Home Isolation" ถือว่าโชคดี ที่บ้านมีพื้นที่เพียงพอในการกักตัว-รักษา แต่เราก็ยังกังวลว่า เชื้อจะไปติดพ่อแม่ไหม เลยเป็นช่วงการใช้ชีวิตที่ยากลำบากพอสมควร พ่อแม่ก็เป็นทุกข์มาก ๆ ครับ 

 

ส่วนกระบวนการรักษา ทาง "สายด่วนโควิด" เค้าจะโทรมาสอบถามอาการเราวันละครั้ง เอาเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว - ยาฟาวิพิราเวียร์มาให้ โดยให้ทาน 3 มื้อ หลังอาหาร ครั้งละ 4 เม็ด ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็ลดลง เหลือ แค่เช้ากับเย็น จนครบคอร์สที่เค้าจัดมาให้ครับ ก็ถือว่าโชคดีที่หลังจากไปตรวจเชื้อไม่ได้ลงปอด 

 

ส่วน "ติดโควิดรอบ 2"  อาการเราน้อยกว่าครั้งแรกมาก พอโทรไปหาเค้า เค้าก็เอายาฟ้าทะลายโจรมาให้อย่างเดียวเลยครับ (ไม่ได้อะไรนอกจากนี้เลย) โดยให้กิน เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน 5 วัน จนอาการดีขึ้น การกักตัวก็ใช้วิธีการแบบการติดรอบแรกเลยครับ ถือเป็นความโชคดีที่พ่อแม่ไม่ติดจากเราทั้งสองครั้ง

 

8.เรารู้ไหมว่าเป็นโควิดสายพันธุ์ไหน 

จากการติดทั้ง 2 ครั้ง เราไม่รู้เลยว่าเราติดสายพันธุ์ไหน ถึงจะไปตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถบอกได้เพราะเค้าบอกไม่มีเครื่องแยกสายพันธุ์ จะรู้ได้เฉพาะทางกระทรวงเอาผลไปตรวจต่อ ทำให้เราต้องสังเกตอาการเองว่าเราเข้าค่ายโควิด-19 ตัวไหน ครั้งแรกเราคิดว่าเป็นสายพันธุ์เดลตา 

 

 "ติดโควิดรอบ 2" เราคิดว่าเป็นสายพันธุ์ "โอไมครอน" เพราะจากที่สังเกตอาการแล้ว ค่อนข้างตรงอย่างมาก อาทิ สามารถทะลุหน้ากากอนามัย วัคซีนเอาไม่อยู่ แม้แต่ภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดโควิด-19 ครั้งแรกยังป้องกันไม่ได้เลยครับ 

 

9.มีคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโควิดเหมือนกันไหม

ทราบว่าติดเชื้อแล้วอย่าเพิ่งตื่นตระหนกเกินไป เป็นได้ก็หายได้ครับ เริ่มจากทำการกักตัว สังเกตอาการโทรหา "สายด่วนโควิด" ทำตามที่แพทย์แนะนำ ยิ่งถ้าเราเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ "โอไมครอน" อาการจะไม่หนักมาก หายแล้วก็ได้ภูมิคุ้มกัน แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ตัวเองไม่ติดเชื้อจะดีกว่า เพราะเชื้อตัวนี้แพร่ได้รวดเร็วมาก หน้ากากอนามัย วัคซีนก็เอาไม่อยู่ คิดถึงสังคมส่วนรวม คิดถึงครอบครัวมาก ๆ ครับ

 

"สุดท้ายอยากฝากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่านี้หน่อยครับ เพราะจากที่เราติดมา 2รอบ สิ่งที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงคือความล่าช้าของรัฐ เคสเราถือว่าโชคดีที่ไม่ได้อาการหนัก เลยไม่เดือดร้อนอะไรมาก แต่ทางคนที่เขาอาการหนักกว่าเราล่ะ ยิ่งเขาไม่มียา ไม่มีเตียง ไม่มีพื้นที่กักตัว โทรไปทั้งวันก็ไม่มีใครรับสาย หน่วยงานดำเนินการช้าไปหมด

พวกคนที่ไม่มีทางเลือกเลยต้องขวนขวายหาลู่ทางรอดตายอื่นอย่าง มูลนิธิกระจกเงา เพจเส้นด้าย ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลให้เร็วที่สุด เราแค่อยากให้ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมอ่ะครับ"