อัปเดตล่าสุดสำหรับแนวทางการ "ฉีดวัคซีนโควิด" ตามที่ ศบค. ได้มีแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนในประเทศ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ศบค.ได้ออกแนวทางการดำเนินงานตามแผนบริการจัดการวัคซีนปี 2565 ซึ่งเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้า "ฉีดวัคซีนโควิด" ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับวัคซีนเข็ม 1 เข็ม 2 รวมไปถึงการ "ฉีดวัคซีนเข็ม 3" เพื่อเป็นเข็มกระตุ้น โดย ศบค.ได้กำหนดแนวทางการ "ฉีดวัคซีนโควิด" ไว้ดังนี้
1.สร้างกลยุทธ์เพื่อยกระดับความครอบคลุม และเสริมศักยภาพการให้บริการวัคซีนโควิด-19
- กระจายจุดฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงในทุกจังหวัดมีจุดฉีดรับ รพ.สต./คลินิกเวชกรรม
- มีวัคซีนพร้อมในทุกพื้นที่ โดยให้แต่เขตสุขภาพระดับจังหวัด และรพ.สต.ทุกแห่ง มีการสำรองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และ ซิโนแวค
- ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ทันที (Any where,Any regiment,Any target and Any time)
- เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่ กลุ่ม 608 และกลุ่มเด็ก
- ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการค้นหากลุ่มที่มีความคลุมวัคซีนเข็ม 1 ต่ำ ได้แก่ ประชาชนที่ไม่ใช่สัญาชาติไทยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
2.แผนการ "ฉีดวัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้นอย่างน้อย 20 ล้านคนในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2565
- เข็ม 3 ในประชาชนทั่วไป ได้แก่ กลุ่ม 608 เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อสม. ผู้ประกันตน ประชาชนทั่วไป
- เข็ม 4 ในบุคลากรทางการแพทย์
- ผู้มีประวัติติดเชื้อโควิด-19
3.จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ ขนาดโดสเด็ก จำนวน 10 ล้านโดส เพื่อวางแผนฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี ผ่านระบบสถานศึกษา
4.เร่งรัดการขึ้นทะเบียนการ "ฉีดวัคซีนโควิด" เชื้อตายสำหรับฉีดในกลุ่มเป้าหมายที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
สำหรับแนวทางการ "ฉีดวัคซีนโควิด" เข็ม4 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรังนั้น ตามมติที่ประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้
- ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1-2 เป็นซิโนแวคกับซิโนแวค และเข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ให้เข็มที่ 4 เป็นแอสตร้าฯ หรือ ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็มที่ 3
- ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1-2 เป็นซิโนแวคกับซิโนแวค และเข็มที่ 3 เป็นไฟเซอร์ ให้เข็มที่ 4 เป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาได้ ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็มที่ 3
ส่วนการฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนังสามารถทำได้ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของแพทย์ และผู้รับวัคซีนต้องสมัครใจ ซึ่งตรงนี้เปิดกว้างขึ้นให้สามารถเลือกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง