ด่วน "โอไมครอน" ไทยพุ่ง 2,062 ราย กระจาย 54 จว. ข่าวดีคนติดเชื้อกันเดลตา 4 เท่า

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โอไมครอน" หรือ โอมิครอน ในประเทศไทย ตั้งแต่เปิดประเทศ 1 พ.ย.2564-3 ม.ค.2565 มีจำนวน 2,062 ราย เมื่อวานนี้พบ 282 ราย ตัวเลขยืนยัน 300 กว่าราย กระจายอยู่ 54 จังหวัด สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 585 ราย ซึ่งส่วนใหญ่หายแล้ว ส่วนที่เหลือ อยู่ในระบบการรักษาพยาบาล ซึ่งสรุปสถานการณ์ "โอไมครอน" Omicron จะเริ่มส่งผลให้จำนวนการติดเชื้อในภาพรวมมากขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลต่อจำนวนการเสียชีวิต ส่วนการติดเชื้อ Covid-19 วันนี้ ยังเป็นสายพันธุ์ "เดลตา" ส่วนใหญ่ 70-80% ดังนั้น ต้องระวังกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีประวัติกลุ่มโรคเสี่ยงให้มาก เพราะยังมีโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตการตรวจสายพันธุ์จะเริ่มใช้ระบบเฝ้าระวังปกติตามเกณฑ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ ไม่ตรวจทุกราย

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของ "โอไมครอน" ว่า มีข้อมูลที่น่าสนใจจากแอฟริกาใต้ว่า หากคนที่ติดเชื้อ "โอไมครอน" แล้วภูมิคุ้มกันขึ้น 14 วัน หลังจากที่ติดเชื้อ "โอไมครอน" แล้วเอามาดูว่า หลังจากที่ติดเชื้อ "โอไมครอน" แล้วภูมิขึ้น ทั้งคนที่ฉีดวัคซีน และ ยังไม่ได้รับวัคซีน พบว่าภูมิสูงขึ้น 14-15 เท่า นั่นหมายความหมายว่า ติดเชื้ออะไร ก็จะป้องกันการติดเชื้อนั้น และจัดการโรคได้ง่าย ถ้าหากติดเชื้อโอไมครอนซ้ำ ภูมิก็จะจัดการเชื้อได้ทันที แต่เมื่อติดเชื้อ "โอไมครอน" แล้ว หลังจาก 14 วัน สามารถกันเชื้อ "เดลตา" ได้ประมาณกว่า 4 เท่าอีกด้วย แต่ไม่ได้เกิดกับทุกรายที่ติดเชื้อ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ขณะนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังรวบรวมข้อมูลจากผู้ติดเชื้อ "โอไมครอน" ในประเทศไทย ว่าสามารถจัดการเชื้อเดลตาได้ดีมากแค่ไหน ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องจริง ทำให้มีสัญญาณที่ดีว่า การติดเชื้อของ "โอไมครอน" ไม่ได้มีผลร้ายเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เมื่อติดแล้ว ยังสามารถจัดการกับ "เดลตา" ได้อีกด้วย

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่อย่าตระหนก หลังจากช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ของใหม่ โดยสายพันธุ์ B.1.640.2 เป็นสายพันธุ์ย่อยของ B.1.640 ที่พบครั้งแรกในประเทศสหพันธรัฐคองโก ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2564 โดย WHO ได้จัด B.1.640 เป็น Variants under monitoring (VUM) ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 2 ม.ค. 2565 พบสายพันธุ์ B.1.640 จำนวน 400 ตัวอย่างในฐานข้อมูล GISAID โดยพบส่วนใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศส จากการวิเคราะห์ทาง Phylogenetics พบว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับสายพันธุ์ "โอไมครอน" Omicron โดย สายพันธุ์
B.1.640 ณ ปัจจุบัน ได้แยกย่อยเป็น B.1.640.1 และ B.1.640.2 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสายพันธุ์หลักที่ระบาดในฝรั่งเศสคือ "Omicron" แต่สายพันธุ์ย่อย B.1.690 นั้น พบการกลายพันธุ์บน Spike protein ชนิด SNPs 14 ตำแหน่ง การขาดหายไปอีก 9 ตำแหน่ง ซึ่ง u N501Y และ E484Q ได้เหมือนในสายพันฐ์ Beta Gamma Theta และ Omicron ส่วนการกลายพันธุ์ F490S สามารถพบได้ใน Lambda ซึ่งไม่น่ากังวล แต่จะจับตาดูอย่างต่อเนื่อง