หมอธีระ เผย "โอไมครอน" ไทยพุ่งอันดับ 15 ของโลก ระยะฟักตัวสั้น แนะ ฉีดวัคซีน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับ "สถานการณ์โควิด-19" ว่า

 

1 มกราคม 2565...สวัสดีปีเสือ...

ทะลุ 288 ล้านไปแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,473,143 คน ตายเพิ่ม 5,319 คน รวมแล้วติดไปรวม 288,302,567 คน เสียชีวิตรวม 5,451,785 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด ยังเป็นเช่นเดิมคือ อเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี และอาร์เจนติน่า

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.04 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 92.79

 

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 56.91 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 59.65

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

 

สำหรับสถานการณ์ไทย

ระบบรายงานจำนวน ATK ปิดปรับปรุงมาตั้งแต่ 28 ธ.ค.64 ลำพังรายงานติดเชื้อเมื่อวาน 3,111 คน ไม่สามารถสะท้อนสถานการณ์ได้อย่างละเอียดพอ

 

จำนวนเคส Omicron สะสมเมื่อวานนี้ 1,145 คน อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนเคสสะสม เฉลี่ยวันละ 28% นับตั้งแต่ 18 ธันวาคมเป็นต้นมา

 

อัพเดตเรื่องสำคัญของ COVID-19

 

1. "จำนวนเคส Omicron ไทยเป็นอันดับ 15 ของโลก"

จาก BNO ล่าสุดมีการรายงาน Omicron แล้ว 130 ประเทศ

ที่น่าสนใจคือ เรียงตามจำนวนเคส จะพบว่ามี 15 ประเทศที่มี Omicron เกิน 1,000 ราย โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น

 

2. "ระยะฟักตัวของ Omicron สั้นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ"

 

ระยะฟักตัว (incubation period) หมายถึง ช่วงเวลานับตั้งแต่ติดเชื้อจนกระทั่งมีอาการ

ในสายพันธุ์ดั้งเดิม ระยะฟักตัวของโรคโควิด-19 จะอยู่ราว 5-6 วัน แต่สายพันธุ์เดลต้า ระยะเวลาสั้นลงเหลือ 4 วัน

แต่ Omicron นั้น พบว่าเหลือเพียง 3 วัน จากการศึกษาโดย Jansen L และคณะ ที่เพิ่งรายงานใน MMWR ฉบับเมื่อวานนี้ 31 ธันวาคม 2021

 

3. "Omicron มีโอกาสทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลราวหนึ่งในสามของเดลต้า"

 

จากรายงานล่าสุดของ UK HSA 31 ธันวาคม 2021 พบว่า ความเสี่ยงที่ติดเชื้อจนต้องรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของ Omicron เท่ากับ 33% เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า (Hazard ratio: ช่วงความเชื่อมั่น 30-37%)

 

4. "การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลได้"

ผลวิเคราะห์ของ UK HSA ชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลได้ราว 88%

ทั้งนี้ของสหราชอาณาจักรมีวัคซีนที่ใช้คือ Astra 2 เข็มตามด้วย Pfizer หรือ Moderna และ Pfizer 2 เข็ม ตามด้วย Pfizer หรือ Moderna

สำหรับไทยเรา

ข้อมูลดังที่กล่าวมาข้างต้น นำมาสู่คำแนะนำดังนี้

หนึ่ง หลังฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เมื่อคืนนี้ ขอให้คนที่ออกไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีความเสี่ยง ควรสังเกตอาการตนเอง หากไม่สบายมีอาการคล้ายหวัดในช่วงถัดจากนี้ไป 3-5 วัน ให้นึกถึงโควิดไว้ด้วยเสมอ ถ้ามี ATK ที่บ้านก็ใช้ตรวจ หากไม่มีก็ควรไปรับการตรวจที่สถานพยาบาลหรือจุดบริการต่างๆ ใกล้บ้าน

 

สอง แม้ Omicron จะทำให้ป่วยรุนแรงน้อยกว่าเดลต้า แต่แพร่ระบาดเร็วกว่าเดลต้า 4.1 เท่า จำนวนคนติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว หากไม่ป้องกันให้ดี และจะมีคนเจ็บป่วยในช่วงเวลาเดียวกันได้จำนวนมาก ดังที่เห็นในต่างประเทศ ดังนั้นประชาชนไทยจึงต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีกิจกรรมฉลองกันทั่วประเทศเมื่อคืนนี้

 

สาม การฉีดวัคซีนนั้นจะช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยรุนแรงจนต้องนอนรพ.ไปได้มาก ไม่ว่าจะสายพันธุ์เดลต้าหรือ Omicron ก็ตาม

 

ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า

อยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร

เลี่ยงที่แออัด คนเยอะ

และระวังการแพร่ระบาดในครอบครัว ยิ่งหากมีใครไปฉลองข้างนอกมา

 

ด้วยรักและห่วงใย

 

สวัสดีปีใหม่ครับ

 

 

 

ที่มา เฟซบุ๊ก : Thira Woratanarat