โควิด-19

"โควิด19" หมอธีระให้จับตา 3-6 เดือนจากนี้การระบาดเกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โควิด19" หมอธีระ เตือนให้จับตาต่อจากนี้ 3-6 เดือนเกิดจุดเปลี่ยนของการระบาดทั่วโลก แนะทำตาม 4 ข้อ เพื่ออยู่ให้ได้ในภาวะวิกฤต

รศ.นพ.ธีระ  วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุ ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด19 และ โอไมครอนว่า

28 ธันวาคม 2564

ทะลุ 281 ล้านไปแล้ว 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 665,907 คน ตายเพิ่ม 4,424 คน รวมแล้วติดไปรวม 281,615,934 คน เสียชีวิตรวม 5,422,009 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.82 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 92.13

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 52.12 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 62.88 

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

...สำหรับสถานการณ์ไทยเรา

เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 2,437 คน สูงเป็นอันดับ 31 ของโลก

หากรวม ATK อีก 505 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 29 ของโลก

ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย

...อัพเดต Omicron

ตอนนี้ระบาดกระจายไปแล้ว 119 ประเทศ (BNO Omicron tracker) และมีสัดส่วนของการตรวจพบในผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกทวีป (GISAID)

ประเทศต่างๆ มีสถิติการติดเชื้อใหม่รายวันสูงขึ้นกว่าทุกระลอกที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศในยุโรปอย่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ รวมถึงแถบโอเชียเนีย เช่น ออสเตรเลีย 

...มองไปยาวอีก 3-6 เดือนถัดจากนี้ น่าจะมีจุดเปลี่ยนของลักษณะการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงการตอบสนองต่อการระบาดของแต่ละประเทศ

ด้วยความรู้จนถึงปัจจุบัน ชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนนั้นจะช่วยในแง่การกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันในน้ำเลือดและระดับเซลล์ เพื่อตอบสนองต่อการติดเชื้อ โดยช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยรุนแรง และลดโอกาสเสียชีวิต

แต่ระยะเวลาผ่านไป ระดับภูมิคุ้มกันในน้ำเลือด หรือแอนติบอดี้จะลดลง และจำเป็นต้องได้รับการฉีดกระตุ้นเป็นระยะ แต่จะถี่บ่อยแค่ไหนในระยะยาวคงต้องรอผลการติดตามศึกษาต่อไป

ทั้งนี้การระบาดของ Omicron ที่ทั่วโลกรวมถึงไทยเรากำลังเผชิญอยู่นั้น ปัจจัยแวดล้อมเป็นตัวกำหนดให้มีลักษณะการตอบสนองคล้ายกันคือ

 

 

หนึ่ง ผู้ใหญ่ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น

สอง นำเด็กและเยาวชนที่อายุอยู่ในเกณฑ์ที่จะสามารถรับวัคซีนได้ไปฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

สาม ในเด็กเล็ก ช่วงวัยที่ยังไม่มีวัคซีนที่อนุมัติให้ใช้ คงจำเป็นต้องให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองช่วยกันดูแล ป้องกันให้ดี หากโตหน่อยก็ใส่หน้ากาก ล้างมือ ดูแลที่ทางให้ระบายอากาศให้ดี สังเกตอาการหากไม่สบายก็ตรวจรักษาโดยไม่ไปปะปนกับเด็กคนอื่นๆ

สี่ การป้องกันตัวส่วนบุคคลยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เป็นกิจวัตร ให้คุ้นชินจนเป็นนิสัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อโควิด-19 และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร เลี่ยงที่แออัด ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น 

และที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะวัยเรียน วัยทำงาน และวัยสูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง และลูกจ้าง คือ การหมั่นสำรวจตนเอง หากมีอาการไม่สบาย ควรหยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจรักษาให้หายดีก่อนแล้วค่อยปฏิบัติภารกิจในชีวิตประจำวันได้

...สัปดาห์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้เป็นตัวกำหนดความรุนแรงของการระบาดของ Omicron ในไทย

ขอให้ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า

อยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร

เลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนส่งสาธารณะ

งดตะลอนท่องเที่ยว

งดปาร์ตี้สังสรรค์กันเป็นกลุ่ม ฉลองกับคนในครอบครัวในบ้านจะปลอดภัยกว่า

หากทำได้พร้อมเพรียง จะช่วยลดโอกาสระบาดรุนแรงไปได้ไม่มากก็น้อย

ด้วยรักและห่วงใย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ