เชื้อตายเอาอยู่ "วัคซีนซิโนแวค" กระตุ้นเข็ม 3 ต้าน "โอไมครอน" ได้ 94%
หมอเฉลิมชัย เผยข้อมูลใหม่ "วัคซีนซิโนแวค" กระตุ้นเข็ม 3 รองรับไวรัส "โอไมครอน" ได้ 94% เทียบเท่าฉีด Pfizer 3 เข็ม กลายเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ซึ่งมีประเด็นใหม่ที่น่าสนใจ คือ การฉีดวัคซีน "Sinovac" กระตุ้นเข็มที่ 3 รองรับไวรัส "Omicron" ได้ 94% โดยระบุว่า หลังจากที่ไวรัส "Omicron" ได้รับการประกาศโดยองค์การอนามัยโลกให้เป็นไวรัสน่ากังวล (VOC) เมื่อ 26 พ.ย. 2564 ขณะนี้ "Omicron" ระบาดไปแล้วเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนดี ซึ่งแตกต่างกับไวรัสเดลตา ซึ่งใช้เวลานานถึง 3 เดือน
นอกจากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วแล้ว ยังมีข้อมูลทยอยออกมาในเบื้องต้นว่า ไวรัสดื้อแต่วัคซีน ด้วยข้อมูลส่วนที่มาจากทางบริษัท Pfizer พบว่าการทดลองในห้องปฎิบัติการ "วัคซีนไฟเซอร์" 2 เข็ม รับมือ "Omicron" ได้น้อยลง 32 เท่า โดยมีระดับภูมิคุ้มกันเหลือ 33% แต่เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว ทำให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 90% คือเท่ากับวัคซีน 2 เข็มที่เคยรับมือกับไวรัสสายพันธุ์หลักเดิม ในขณะเดียวกันก็มีรายงานการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงพบว่า ในผู้รับ "วัคซีน Pfizer" 2 เข็ม มีระดับภูมิคุ้มกันที่รับมือกับไวรัส "Omicron" ได้ 24 % และผู้ที่รับ "วัคซีน Sinovac" 2 เข็ม ไม่มีระดับภูมิคุ้มกันที่รับมือกับไวรัส "Omicron"
ล่าสุด มีรายงานการศึกษาเพิ่มเติมว่า ผู้ฉีดวัคซีน "Sinovac" 2 เข็ม มีภูมิคุ้มกัน 35% คือ 7 รายใน 20 ราย ในขณะที่ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่จะรับมือ "Omicron" เพิ่มขึ้นเป็น 94% คือ 45 รายใน 48 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับฉีด "วัคซีน Pfizer" 3 เข็ม จึงทำให้วัคซีนเชื้อตายของ "Sinovac" กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง ในสถานการณ์ที่มี "Omicron" ระบาด และวัคซีนรุ่นใหม่ที่จะผลิตเพื่อรองรับไวรัส "Omicron" ยังไม่เสร็จสิ้น ขณะนี้ "วัคซีน Sinovac" นอกจากจะฉีดในประเทศจีนนับ 1,000 ล้านโดสแล้ว ยังฉีดในอีก 44 ประเทศทั่วโลกกว่า 800 ล้านโดส เป็นในเขตเอเชียแปซิฟิค 54% อเมริกาใต้ 28% ยุโรป 13% แอฟริกา 5%
ประเทศไทยจึงควรพิจารณาและติดตามการศึกษาอย่างใกล้ชิด ต่อวัคซีนเชื้อตายคือ "Sinovac" และ "Sinopharm" รวมทั้งวัคซีน Viral vector คือ AstraZeneca และ JNJ วัคซีน mRNA คือ Pfizer และ Moderna ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุด ในการรับมือไวรัส "Omicron" ต่อไป