โควิด-19

จับตา "Omicron" คู่หูระบาดเดลตา ประกอบร่างไฮบริด โควิด 2565 จบหรือเริ่มใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สถานการณ์โควิด 2565 จบหรือเริ่มใหม่ หมอธีระวัฒน์ ลิสต์ให้ดู จบ…ถ้า และ จะไม่จบ…ถ้า จับตา "Omicron" คู่หูระบาด เดลตา ประกอบร่างใหม่ไฮบริด

 

เกาะติด "Omicron" โอไมครอน หรือ โอมิครอน โควิดสายพันธุ์ใหม่ ล่าสุด วันนี้ หมอธีระวัฒน์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha สถานการณ์โควิด 2565 จบหรือเริ่มใหม่?

 

จบ…ถ้า

 

  • โอไมครอน หรือ โอมิครอน มาแทนกลุ่มอื่นได้หมดจด
  • ทั้งนี้ คนที่เคยติดเชื้อมาก่อนสามารถกัน โอไมครอน หรือ โอมิครอน ได้ เพียง 19% และวัคซีนมาตรฐาน ในต่างประเทศสองเข็มลดการติดเชื้อที่มีอาการได้ 30% และประมาณว่าถ้าได้เข็มสามจะได้ 70% แต่บอกไม่ได้ว่าอยู่นานเท่าใด

 

 

  • ทั้งนี้ โดยต้องแบกรับ จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและมีอาการหนัก ถึงแม้เปอร์เซ็นต์จะน้อยกว่าเดลตา แต่อธิบายจากจำนวนติดเชื้อมหาศาล
  • และจำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่เกิดขึ้นจากเดลตา เดิม ที่พักฟื้น ตามวัฏจักรเชื้อโควิด ที่กลายเป็นติดเชื้อโดยไม่มีอาการและต่อมาปรับตัวเป็นรุนแรงใหม่ ดังที่เห็นจากประเทศตะวันตกต่าง ๆ
  • แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริงที่ โอไมครอน หรือ โอมิครอน แทนที่ได้หมด จะมีภูมิต่อ "Omicron" ทั้งพื้นที่ ทั้งประเทศ

 

 

 

 

จะไม่จบ…ถ้า

 

  • โอไมครอน หรือ โอมิครอน แทนที่ เดลตา ได้ไม่สนิท
  • เดลตายังปรับความรุนแรงขึ้นได้ จะเกิด คู่หูระบาด (twin endemic)
  • จะซับซ้อนขึ้นถ้าคู่หูประกอบร่างใหม่เป็น ไฮบริด 
  • ทั้งนี้ โดยที่ โอไมครอน หรือ โอมิครอน ก็นำโคโรนาหวัด 229E เข้ามาควบรวมไปแล้ว และมีเป็น ไฮบริด อาจมีศักยภาพในการสร้างความรุนแรงมากขึ้น หรือแม้แต่ โอไมครอน หรือ โอมิครอน เดี่ยว ๆ ปรับตัวมากขึ้น

 

 

  • ทั้งนี้ จะยุ่งยากมากขึ้น ถ้าภูมิจากการติดเชื้อหรือวัคซีนก่อนหน้าที่ไม่ใช่ โอไมครอน (โอมิครอน) หรือ เดลตา เบตา ตรง ๆ กลับนำชิ้นส่วนไวรัสเข้าในเซลล์ที่สร้างการอักเสบและเกิดการอักเสบรุนแรงมากกว่าปกติ และอื่น ๆ

 

 

 

 

ทำไม…ไวรัส เก่ง?

 

  • ในด้านตัวเชื้อ โคโรนาไวรัสมีวิวัฒนาการมาเนิ่นนานด้วยการผันแปรของรหัสพันธุกรรมแต่ละท่อน ซึ่งมีหน้าที่จำเพาะในการเกาะติดที่เซลล์ ในการกดการต่อสู้ของร่างกายเพื่อเอื้ออำนวยให้ไวรัสสามารถอยู่ได้ในเซลล์และเพิ่มปริมาณได้
  • ในขณะเดียวกัน เข้าไปควบคุมเซลล์เจ้าบ้านให้เอื้ออำนวยพลังงานให้กับไวรัสโดยไม่สามารถขจัดไวรัสออกจากเซลล์ได้ (incomplete autophagy)
  • และในขณะเดียวกัน รบกวนการใช้พลังงานในเซลล์จนกระทั่งเกิดภาวะพลังงานล้มเหลว (bioenergetic failure)
  • นอกจากนั้น มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มจำนวนโดยผ่านทาง เอนไซม์

 

 

  • ที่สำคัญก็คือ มีท่อนรหัสพันธุกรรมที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างการอักเสบที่รุนแรงเกินควร ผ่านระบบ innate และโยงใยไปถึงการที่มีเลือดข้น เส้นเลือดตัน เส้นเลือดอักเสบ อวัยวะหลายส่วนเสียหาย
  • ส่วนสำคัญที่ไม่สามารถอธิบายจากรหัสพันธุกรรมของไวรัสเท่านั้นเป็นกลไกเหนือยีน (epigenetics) และเป็นตัวกำหนดตำแหน่งแห่งที่ ที่ไวรัสสามารถอยู่ได้โดยบรรพบุรุษของโคโรนา จะอยู่ในลำไส้ และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมาอยู่ในระบบทางเดินหายใจ จนกระทั่งถึงถุงลม และพัฒนาเข้าเลือด รวมกระทั่งถึงเม็ดเลือดขาว

 

 

ทั้งนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สู้กับระบบปกป้องไวรัสของร่างกายของเนื้อเยื่อนั้น ๆ คือ ZAP หรือ Zinc finger antiviral protein และ APOBEC3G ที่มีประสิทธิภาพมาก ในปอด เม็ดเลือดขาว

จุดที่ยังเป็นปริศนา กำเนิดของโควิดไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามาจากสัตว์ป่า เพราะเชื้อที่ได้จากสัตว์ป่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะติดเชื้อในมนุษย์และก่อโรคได้อย่างแพร่หลาย เป็นการเพิ่มเติมดัดแปลงไวรัสที่อยู่ในสัตว์ป่าที่มีมาก่อนหน้านี้หรือไม่ และทำให้การระบาดไม่สามารถหยุดยั้งได้แม้จะผ่านไปสองปีแล้ว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ