โควิด-19

ไทยเจอ "โอไมครอน" 14 ราย ยืนยันผลแล้ว 9 ราย ยืนยันวัคซีนป้องกันป่วยหนักได้ดี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โอไมครอน" ไทยเจอผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 14 ราย ยืนยันผลแล้ว 9 ราย มั่นใจวิธีการตรวจเชื้อสามารถจับโอไมครอนได้แม่นยำ ประชาชนอย่ากังวลขอให้เข้ารับวัคซีนอย่างครบถ้วนทุกเข็ม

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดกิจกรรม เสวนาวิชาการ เปิดข้อมูล (ไม่) ลับกับสถาบันวัคซีน ซึ่งเป็นการเสวนาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนโควิด 19 "รับมืออย่างไรเมื่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่มาเยือน" 

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างงานเสวนา ว่าอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการระบาดของ "โอไมครอน" เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็พบว่ามีการระบาดไปแล้วกว่า 77 ประเทศ สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยเอง "โอไมครอน" ระบาดในช่วงที่ไทยกำลังเปิดประเทศ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับมาตรการให้สอดคล้อง โดยการเปลี่ยนจากตรวจหาเชื้อ ATK เป็นวิธี RT-PCR ซึ่งโอไมครอนถูกยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลความน่าสนใจของโอไมครอน คือ การกลายพันธุ์ใหม่ และหลายตำแหน่งมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ  ส่วนอาการรุนแรงหรือไม่นั้น อาจจะเป็นข่าวดีกว่าสายพันธุ์เดลตา  สำหรับในประเทศไทยขณะนี้ตรวจเจอโอไมครอน 14 ราย ยืนยันผล 9 ราย สำหรับการตรวจหาโอไมครอนนั้น จะดำเนินการด้วยวิธี whole Genorm sequencing ก่อนยืนยันผลทุกราย   อย่างไรก็ตามในอนาคตคาดว่า โอไมครอนจะเกิดการระบาดอย่างทั่วถึงทุกประเทศ แต่อาจจะไม่ต้องกังวลหากเจอเร็ว และสามารถจำกัดวงการระบาดได้เร็วก็ไม่น่าเป็นห่วง 

 

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า การตรวจด้วย RT-PCR ไม่ได้เป็ฯปัยหา เพราะการตรวจจะมีการตรวจสอบยีนหลายตำแหน่ง ATK 90% ก็ยังสามารถตรวจสอบว่าติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อได้ แต่หากจะตรวจหาสายพันธุ์จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจหา   whole Genorm sequencing  ด้วยวิธีการตรวจสอบอย่างละเอียดสามารถตรวจจับ "โอไมครอน" เจอแน่นอน ยังยืนยันว่าในประเทศไทยขณะนี้เป็นการระบาดของสายพันธุ์เดลตา การติดเชื้อในแต่ละวันเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ดังนั้นวัควีนที่ฉีดอยู่ขณะนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ไทยเจอ "โอไมครอน" 14 ราย ยืนยันผลแล้ว 9 ราย ยืนยันวัคซีนป้องกันป่วยหนักได้ดี

ด้าน พญ. ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ  กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมด้านวัคซีนเมื่อเกิดการระบาดของ "โอไมครอน" ว่า วัคซีนเป็นตัวช่วยวนการป่วยรุนแรง แต่อาจจะยังไม่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจ เพราะประชาชนยังคาดหวังว่าวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100%  ดังนั้นการฉีดวัคซีนจะทำให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นในระยะหนึ่งและลดลงมา ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการกระตุ้นซ้ำอีกครั้ง สำหรับผลการฉีดบูสเตอร์สัปดาห์แรกวัดภูมิคุ้นกันได้ 90% ผ่านไป 1 เดือนเหลือประมาณ 80% ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจ ดังนั้นกลุ่มที่ฉีดซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์มสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้แล้ว 

 

ต่อมาเป็นกลุ่มที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนที่สามารถป้องกันการป่วยหนักได้อย่างดี แอสต้าฯ 2 เข็มสามารถ้องกันการติดเชื้อได้ 70% ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับเข็มกระตุ้นหากได้รับเข็มกระตุ้นภูมิจะขึ้นสุง 80-90 %  ด้านประชาชนได้ได้รับ mRna 2 เข็มยังมีภูมิคุ้มกันสุงอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่ควรฉีดกระตุ้น เพราะร่างกายมีภูมิสูงอยู่ อาจจะต้องรอประมาณ 6 เดือนขึ้นไป 

ไทยเจอ "โอไมครอน" 14 ราย ยืนยันผลแล้ว 9 ราย ยืนยันวัคซีนป้องกันป่วยหนักได้ดี

พญ.ปิยนิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในช่วงที่เกิดการระบาดของเดลตา และอาจจะเกิดการระบาดของโอไมครอนจำเป็นจะต้องได้รับเข็ม 3 อย่างรวดเร็ว หากประชาชนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม หรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม สามารถเข้ารับเข็มกระตุ้นด้วย แอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ ได้เลย ส่วนผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า  2 เข็ม สามารถเข้ารับเข็มกระตุ้นด้วยไฟเซอร์หลังจากเข็ม 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือน  

 

สำหรับสถานการณ์วัคซีนในขณะนี้ และในปี 2565 ไทยมีวัคซีนจำนวนมากขึ้น  และหลายชนิด แต่ด้วยความที่มีหลายสูตรการบริหารจัดการอาจจะมีความซับซ้อน ดังนั้นต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม เช่น วัคซีนไฟเซอร์ที่เริ่มเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้ว แต่จำเป็นจะต้องจัดสรรค์ให้แก่นักเรียนก่อน รวมไปถึงการจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยง ในปีหน้าจัดสรร 120 ล้านโดส ขณะนี้สัญญาไปแล้ว 90 ล้านโดส และอยู่ระหว่างรอดำเนินการ 30 ล้านโดส  ส่วนการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิดโอไมครอนนั้น จะต้องใช้วัคซีนที่อยู่ในมือให้ได้ดีที่สุด 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ