โควิด-19

หมอเฉลิมชัย ชี้ ฉีด "วัคซีนไฟเซอร์" 3 เข็ม เอา "โอไมครอน" อยู่หมัด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอเฉลิมชัย" เผย ผลวิจัย "ไฟเซอร์" เบื้องต้นว่า ต้องฉีด "วัคซีนเข็ม 3" จึงจะรับมือไวรัส "โอไมครอน" ได้ดี เพราะฉีด 2 เข็มประสิทธิผลลดลงมาก

"หมอเฉลิมชัย" เผย ผลวิจัย "ไฟเซอร์" เบื้องต้นว่า ต้องฉีด "วัคซีนเข็ม 3" จึงจะรับมือไวรัส "โอไมครอน" ได้ดี เพราะฉีด 2 เข็มประสิทธิผลลดลงมาก

 

 

วันนี้ 9 ธ.ค.64 นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ หรือ "หมอเฉลิมชัย" รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ เฟซบุ๊ก ถึง กรณี โควิด "โอไมครอน" ระบุว่า Pfizer ประกาศการศึกษาเบื้องต้นว่า ต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 จึงจะรับมือไวรัสโอมมิครอนได้ดี เพราะฉีด 2 เข็มประสิทธิผลลดลงมาก

 

หลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่โอมมิครอน (Omicron) อยู่ในกลุ่มไวรัสหน้าเป็นห่วงกังวล (VOC) เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2564

และมีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตวัคซีนได้ออกมาแถลงว่า จะเร่งทำการศึกษาในห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนในการรับมือกับไวรัสโอมมิครอน เพื่อที่จะแจ้งข้อมูลเบื้องต้นได้ว่า วัคซีนมีประสิทธิผลกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่มากน้อยอย่างไร

 วานนี้ 8 ธ.ค. 2564 ทางผู้บริหารบริษัท Pfizer ได้ออกมาแถลงข้อมูลการศึกษาเบื้องต้น สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

 

1) การศึกษาในห้องปฏิบัติการเบื้องต้นพบว่า

 

1.1 วัคซีนของ Pfizer 3 เข็ม รับมือกับไวรัสโอมมิครอนได้ดี โดยวัดที่ 1 เดือนหลังฉีดเข็ม 3

 

1.2 วัคซีน Pfizer 2 เข็ม มีความสามารถในการรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

2) วัคซีน 3 เข็ม เพิ่มระดับภูมิคุ้มกันในการรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ได้สูงถึง 25 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับกรณีวัคซีน 2 เข็มในการรับมือกับไวรัสสายพันธุ์เดิม

 

3) วัคซีน 2 เข็ม ยังสามารถรับมือผู้ติดเชื้อที่จะมีอาการป่วยรุนแรงได้ดี เนื่องจากพบว่าในส่วนหนามประมาณ 80% ซึ่งจะถูกจดจำด้วยระบบภูมิคุ้มกันทีเซลล์ (CD8+T-cell) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการกลายพันธุ์ครั้งนี้ จึงทำให้วัคซีนเพียง 2 เข็มลดอาการป่วยรุนแรงได้ดี แต่จะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อได้ลดลง

 

4) วัคซีนรุ่นใหม่ (New Generation) ที่จะรองรับไวรัสกลายพันธุ์โอมมิครอน จะใช้เวลาพัฒนาประมาณ 4 เดือน คาดว่าจะสามารถใช้ได้ในเดือนมีนาคม 2565 และจะไม่รบกวนแผนของบริษัทซึ่งจะผลิตวัคซีนรุ่นเดิม 4,000 ล้านโดสในปี 2565

ซึ่งการศึกษาดังกล่าว สอดคล้องกับการศึกษาเบื้องต้นของ AHRI : Africa Health Research Institute ซึ่งสรุปว่า ระดับภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดวัคซีนสองเข็มในการรับมือไวรัสโอมมิครอนลดลงมาก และจำเป็นต้องฉีดเข็มสามเข็มกระตุ้น และการศึกษาในเยอรมันพบว่า ระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ลดลง 37 เท่า

 

ผู้บริหารของบริษัท BioNTech ซึ่งร่วมกับบริษัท Pfizer ในการพัฒนาวัคซีน ได้ให้คำแนะนำว่า ควรจะลดระยะเวลาระหว่างการฉีดเข็ม 2 กับเข็ม 3 ที่เคยแนะนำให้ห่างกัน 6 เดือน เป็นห่างกัน 3 เดือน เพื่อทำให้สามารถที่จะรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ต่อไปได้

 

ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนสองเข็มใกล้จะครบ 50 ล้านคน หรือ 100 ล้านโดสแล้ว และมีวัคซีนที่อยู่ในมือ และที่ได้จัดหาไว้เป็นการล่วงหน้า รวมแล้วกว่า 65 ล้านโดส ก็จะสามารถนำมาฉีดกระตุ้นเข็ม 3ให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ซึ่งจะสามารถรองรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้

 

 

ควรเร่งฉีดวัคซีนผู้ที่ยังไม่ได้วัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว ให้เข้ามารับวัคซีนโดยเร็วต่อไปก็จะทำให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่มีความพร้อม ที่จะรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่มีโอกาสจะแพร่ระบาดทั่วโลกในเวลาอีกไม่นานนักได้

logoline