โควิด-19

"แอนติบอดีค็อกเทล" ยับยั้งติดเชื้อโควิดทุกสายพันธุ์ - กลายพันธุ์ จริงมั้ย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แอนติบอดีค็อกเทล" คืออะไร สามารถยับยั้งการติดเชื้อ โควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงเชื้อที่กลายพันธุ์ด้วย จริงหรือไม่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ไขข้อข้องใจ

 

"แอนติบอดีค็อกเทล" คืออะไร คำถามที่หลายคนอยากรู้ ขณะที่ เกาะติด โอไมครอน (Omicron) โควิดโอไมครอน โควิดสายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ แอนติบอดีค็อกเทล เป็นยาที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษา โควิด-19 โดยตรง เกิดจากการรวมตัวกันของโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibody) ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป

 

 

โดยโมโนโคลนอลแอนติบอดีนั้น เป็นการสังเคราะห์โปรตีนขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเข้าไปจับไวรัส โควิด-19 ตรงส่วนหนามทำให้ไม่สามารถเข้าไปเกาะในเซลล์ร่างกายมนุษย์ได้ สามารถยับยั้งการติดเชื้อ โควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ รวมถึงเชื้อที่กลายพันธุ์ด้วย

 

 

 

 

ดังนั้น หากผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ได้รับยาชนิดนี้ในระยะต้น (ไม่เกิน 10 วันนับตั้งแต่วันที่รู้ผลว่าติดเชื้อ) จะช่วยให้หายเร็วขึ้น ดูแลรักษาง่ายขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิตได้

 

"แอนติบอดีค็อกเทล" ยารักษาโควิด ลดการเสียชีวิต ช่วยให้หายเร็วขึ้น

 

  • ได้รับการอนุมัติ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ใช้รักษาผู้ป่วย โควิด-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ได้รับการอนุญาต ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศทั่วโลก
  • ได้รับการสนับสนุน จากคณะกรรมการขององค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และผู้ป่วยหนักที่ไม่มีแอนติบอดี

 

 

 

 

ใช้กับใครได้บ้าง ?

 

ใช้ในผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ในระยะต้น ที่ยังมีอาการน้อยถึงปานกลาง แต่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดอาการรุนแรงได้ เช่น

 

  1. ผู้ป่วยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
  2. ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกิน (BMI มากกว่า 30)
  3. ผู้ป่วยกลุ่มโรคเสี่ยง ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคความดันโลหิตสูง ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคเบาหวาน

 

 

ควรระวังการใช้ยาในกลุ่มใดบ้าง ?

 

ขณะยังมีข้อมูลจำกัดในกลุ่มผู้ป่วยดังนี้

 

  1. ผู้ป่วยที่เป็นสตรีมีครรภ์
  2. ผู้ป่วยอยู่ระหว่างให้นมบุตร
  3. ผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 12 ปี

 

 

มีวิธีการให้ยาอย่างไร ?


"แอนติบอดีค็อกเทล" เป็นยาที่ใช้สำหรับฉีดให้ทางหลอดเลือดดำ โดยให้เพียงครั้งเดียว ในช่วงระยะเวลาหลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ไม่เกิน 10 วัน


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

 

  • มีผื่นคัน
  • มีไข้ คล้ายหวัด
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • ความดันโลหิตต่ำ

 

หลังจากที่ได้รับยาแล้วให้มีการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ หรืออาการแพ้รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหากเกิดอาการจะพบได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังให้ยา ซึ่งพบได้แต่น้อยมาก

 

 

ข้อมูล : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ