ยึดครองอังกฤษ "โอไมครอน" เบียดแซงเดลตา ขึ้นเป็นสายพันธุ์ระบาดหนักอันดับ 1

หนังสือพิมพ์ในอังกฤษ รายงานอ้าง ศาสตราจารย์ พอล ฮันเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังทางด้านโรคระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย อีสต์ แองเกลีย ระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" จะขึ้นนำแทนที่ไวรัส "เดลตา" ที่มีความรุนแรงได้ในไม่ช้า สัญญาณเริ่มแรกคือ จะระบาดอย่างรวดเร็ว และเริ่มที่จะมากกว่าเดลตา และกลายเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดได้ราวอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หรือไม่กี่เดือนเป็นอย่างน้อย โดยเชื่อว่า ขณะนี้ในอังกฤษ น่าจะมีสายพันธุ์ใหม่มากกว่าพันเคสไปแล้วด้วย อีกทั้ง คำสั่งห้ามการเดินทางของภาครัฐ ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรมากนักต่อการแพร่ระบาดของ "โอไมครอน" 
​

ศาสตราจารย์ฮันเตอร์กล่าวว่า ถ้าหากว่ามีการติดเชื้อแพร่ระบาดในประเทศแล้ว การปิดกั้นทางพรมแดนจะไม่สามารถได้ผลอีกต่อไป ซึ่งคาดว่าหลังจากเทศกาลคริสมาสต์ในช่วงปลายเดือนนี้ผ่านไปแล้ว อังกฤษจะได้เห็นภาพที่สมบูรณ์ของความร้ายแรงของไวรัส "โอไมครอน" ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษ ได้เพิ่มความเคร่งครัดในมาตรการเดินทาง หลังจากไวรัสสายพันธุ์ "โอไมครอน" เริ่มระบาด โดยไนจีเรียกลายเป็นประเทศล่าสุด ที่อยู่ในบัญชีกลุ่มประเทศสีแดงล่าสุดที่ประกาศออกมาในวันจันทร์ ขณะที่ ฝรั่งเศส ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ปรึกษารัฐบาลกรุงปารีส ก็เตือนไปในทำนองเดียวกันว่า ไวรัส "โอไมครอน" อาจจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดอันดับ 1 ในฝรั่งเศสได้ภายในสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า

ขณะที่ นายซาจิด เจวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สหราชอาณาจักร แถลงยืนยันว่า ขณะนี้โรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" สามารถเกิดการระบาดภายในประเทศได้ ซึ่งตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" ไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศแต่อย่างใด

นายซาจิด เจวิด กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่พบการติดเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" รายแรกในสหราชอาณาจักร มาถึงปัจจุบันนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 พบว่า ในแต่ละประเทศของสหราชอาณาจักร มีจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" ดังนี้ 

• อังกฤษติดเชื้อ 261 ราย 
• สก็อตแลนด์ติดเชื้อ 71 ราย 
• เวลลส์ติดเชื้อ 4 ราย 

รวมติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 336 ราย

ทั้งนี้ บริการสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถึงเมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม 2564) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 51,459 ราย ทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันสูงสุดในรอบ 5 วันผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวน 53,242 ราย ส่งผลยอดติดเชื้อสะสมพุ่งเป็น 10,515,239 ราย อยู่อันดับที่ 4 ของโลก แต่เป็นอันดับ 1 ในยุโรป ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ เพิ่มขึ้น 41 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 145,646 ราย