เปิดไทม์ไลน์ "โอไมครอน" เข้าไทยรายแรก บินจากสเปนแวะพักดูไบ เร่งสอบรายอื่น

จากกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์และความคืบหน้าการเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ซึ่งพบผู้ติดโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" รายแรก เป็นชายไทย สัญชาติอเมริกัน อายุ 35 ปี เดินทางมาจากประเทศสเปน เข้าไทยในรูปแบบ test and go

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ในไทยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปี อาศัยอยู่ในสเปนมาแล้ว 1 ปี มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ

จากการตรวจสอบพบว่า ชายคนนี้เดินทางไปตรวจหาเชื้อที่สเปนด้วยวิธี RT-PCR เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ซึ่งผลออกมาว่าไม่พบเชื้อ หลังจากนั้น ได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนไม่มีอาการป่วยจนถึงปัจจุบัน จากผลการตรวจสอบเก็บตัวอย่างนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวครั้งที่ 1 (30 พ.ย. 2564) พบความเข้ากันได้กับจีโนม "โอไมครอน" ร้อยละ 99.92 ซึ่งความน่าจะเป็นไปได้ ว่าน่าจะเป็น "โอไมครอน" รายแรกในไทย

เปิดไทม์ไลน์ 'ชายชาวอเมริกัน' ติดเชื้อ "โอไมครอน" รายแรกในประเทศไทย

• 28 พ.ย.2564 : ตรวจ PCR ที่สเปน ผลไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นไปทานข้าวกับเพื่อน (เพื่อนไม่มีอาการป่วย จนถึงปัจจุบัน)
• 29 พ.ย.2564 : บินจากประเทศสเปน ไปดูไบ (EK142) พักที่ดูไบ 9 ชม. ไม่ได้พูดคุยกับใคร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
• 30 พ.ย.2564 : บินจากดูไบมากรุงเทพฯ (EK372) หลังจากลงเครื่อง เวลาประมาณ 24.00 น. ไปเก็บตัวอย่างแบบ Drive thru ที่โรงพยาบาลคู่สัญญา และกลับเข้าโรงแรม (ผู้ป่วยเข้าโครงการ Test & Go)
• 1 ธ.ค.2564 : ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่า ตรวจพบเชื้อโควิด Ct : ORF1ab=33.10 , N gene=30.71
• 3 ธ.ค.2564 : ส่งตัวอย่างเชื้อตรวจยืนยันที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนผู้ป่วยก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

นพ.โอภาส กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้ ไม่แสดงอาการของโรคติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีประวัติตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน แรกรับอุณหภูมิ 36.5 องศาเซลเซียส และคนไข้ระมัดระวังตัว สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง มีแต่ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ นั่งเครื่องบินมาคนเดียวไม่มีคนนั่งข้าง ๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบสวนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทุกคนต่อไป แต่ขณะนี้ทั้งหมดยังมีอาการปกติดี ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่า ภาพรวมสถานการณ์แพร่ระบาดของสายพันธุ์ "โอไมครอน" พบผู้ติดเชื้อแล้วใน 46 ประเทศ ติดเชื้อในประเทศ 15 ประเทศ และพบในผู้เดินทางเท่านั้น 31 ประเทศ ล่าสุด ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจาก "โอไมครอน"