โควิด-19

เตรียมพร้อม "ไฟเซอร์" เปิด 2 ปัจจัยสำคัญ ต้องผลิตวัคซีนต้าน "โอไมครอน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ไฟเซอร์" เปิด 2 ปัจจัยสำคัญ ต้องผลิตวัคซีนต้านพันธุ์ "โอไมครอน" เปิดไทม์ไลน์ผลิตวัคซีนสูตรใหม่ พร้อมใช้ มี.ค.65 ปั๊มได้ถึง 80 ล้านโดส/สัปดาห์

นายมิคาเอล โดลสเท็น หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ บริษัท ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ความจำเป็นในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ใหม่ เพื่อป้องกันการระบาดสายพันธุ์ "โอไมครอน" นั้น จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยสำคัญ โดยปัจจัยแรก คือประสิทธิภาพของวัคซีนสูตรปัจจุบัน สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ หรือได้มากน้อยแค่ไหน คำตอบที่ชัดเจนในขณะนี้ คือประสิทธิภาพของวัคซีนสูตรปัจจุบันในการป้องกันลดลง ในการประเมินเบื้องต้นมองว่า ถ้าระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง 10 เท่า นั่นหมายถึงประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สูตรปัจจุบัน ไม่เพียงพอที่จะป้องกันได้ ความจำเป็นในการพัฒนาวัคซีนตัวใหม่จึงต้องเกิดขึ้น ปัจจัยที่สอง คือ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ "โอไมครอน" จะระบาดรุนแรงเป็นวงกว้างไป จนกระทั่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดทั่วโลก และแทนที่สายพันธุ์เดลต้าหรือไม่ 

ซึ่งถ้าเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" เกิดการพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนทำให้ 2 ปัจจัยสำคัญนี้ เกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้ต้องผลิตวัคซีนสูตรใหม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การรักษาไม่ให้มีอาการป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต ซึ่ง 2 ปัจจัยสำคัญที่ยังไม่เป็นที่ทราบให้ชัดเจนกว่านี้ อาจต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ส่วนใหญ่ล้วนมีความเห็นตรงกัน และคาดการณ์ว่า สายพันธุ์ 
"โอไมครอน" ลดระดับภูมิต้านทานลง ทำให้การทดลองเพื่อหาข้อสรุปให้ชัดเจนที่สุดจึงอยู่กับคำถามที่ว่า ระดับภูมิต้านทานในร่างกายที่ลดลงมากเท่าไหร่ ซึ่งเกิดขึ้นจากสายพันธุ์ "โอไมครอน" 

 


นายมิคาเอล โดลสเท็น หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ บริษัท ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะมีคำตอบในปัจจัยที่สองนี้ แต่เราจะรู้พฤติกรรมของสายพันธุ์ "โอไมครอน" กับคำถามนี้ภายในเดือนธันวาคม เบื้องต้น ประเมินได้ว่า ถ้าสายพันธุ์ "โอไมครอน" ระบาดเป็นวงกว้าง และรุนแรงจนขึ้นมาแทนที่ สายพันธุ์เดลตา เป็นสายพันธุ์หลักของโลก ความจำเป็นในการพัฒนา และผลิตวัคซีนสูตรใหม่ต้องเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากไม่ระบาดจนเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่สายพันธุ์เดลตาได้ วัคซีนสูตรใหม่อาจไม่จำเป็น และไม่เป็นที่ต้องการก็เป็นไปได้ 

ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะทั้งสายพันธุ์เบต้า และเดลตา แต่กลับไม่มีความจำเป็นในการนำมาใช้งานจริง ทั้งสูตรใดสูตรหนึ่ง สาเหตุจากสายพันธุ์เบต้าสูญพันธุ์ไป ในขณะที่วัคซีนสูตรปัจจุบันที่ใช้งานจริงทั่วโลกมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์เดลตาอย่างเพียงพอ 

 

อย่างไรก็ตาม นายมิคาเอล โดลสเท็น หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ไฟเซอร์ ได้เตรียมแผนในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ ทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้นเกิดขึ้นพร้อมกัน ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น จะเร่งผลิตวัคซีนสูตรใหม่ รับมือกับสายพันธุ์ "โอไมครอน" โดยพร้อมใช้งานในเดือนมีนาคมปี 2565 ถ้าหากจำเป็นจริง ๆ โดยเตรียมกำลังการผลิตวัคซีนสูตรใหม่นี้ได้ถึง 80 ล้านโดสต่อสัปดาห์ ถ้าหากต้องใช้กำลังการผลิตเต็มเพดานสูงสุด ไฟเซอร์สามารถผลิตวัคซีนสูตรใหม่ได้ถึง 1,000 ล้านโดสต่อไตรมาส หรือเฉลี่ยเดือนละ 333 ล้านโดส 

 

ทั้งนี้ ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น จะได้ข้อสรุปกระบวนการ และกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สำหรับขั้นตอนการทดลองในขั้นตอนทางคลินิกนั้น นายมิคาเอล โดลสเท็น กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นเหมือนกับในช่วงที่พัฒนาวัคซีนในครั้งแรก 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ