โควิด-19

เข้มมาตรการควบคุมโควิดสูงสุดแม้ "คลายล็อก" กิจกรรมป้องกันระบาดซ้ำรอบใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ.ย้ำเข้มทุกมาตรการป้องกันโควิดสูงสุดลดเวลาเคอร์ฟิว ผ่อน "คลายล็อก" เปิดกิจกรรมกิจการมากขึ้น หวั่นการระบาดซ้ำกระทบการใช้ชีวิตประชาชน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขย้ำพื้นที่สีแดงเข้ม 23 จังหวัด แม้ผ่อนคลายล็อกลดเวลาเคอร์ฟิวเหลือ 5 ทุ่มถึงตี 3 กิจการเปิดถึง 4 ทุ่ม ช่วยใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น แต่ยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ กิจการต่างๆ ใช้มาตรการ COVID Free Setting เร่งรัดฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย เพื่ออยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัยรองรับการเปิดเมือง 

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะประกาศผ่อนคลายล็อกมาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 23 จังหวัด ในเรื่องของการห้ามออกนอกเคหสถาน จากเดิมเวลา 22.00 - 04.00 น. มาเป็นเวลา 23.00 - 03.00 น.  และห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร สามารถเปิดได้ถึงเวลา 22.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนกลับเข้าสู่ชีวิตตามปกติมากขึ้น แต่ย้ำว่าต้องเป็นการใช้ชีวิตปกติแบบนิวนอร์มัล คือ เข้มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา (Universal Prevention) โดยคิดว่าผู้คนรอบข้างรวมถึงตัวเราเองอาจเป็นผู้ติดเชื้อ จึงต้องใช้การป้องกันทุกวิถีทางเพื่อลดความเสี่ยงในการรับหรือแพร่เชื้อ ขณะที่สถานประกอบการต่างๆ ขอให้ใช้มาตรการ COVID Free Setting โดยมีการทำความสะอาด จัดระบบระบายอากาศ เว้นระยะห่าง พนักงานเข้ารับวัคซีนครบโดส และตรวจ ATK ทุก 7 วัน ส่วนผู้รับบริการมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจ ATK ซึ่งจะเป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกับโรคโควิด 19 อย่างปลอดภัย 

"ขณะนี้มีการผ่อนคลายมากขึ้น กิจการต่างๆ ทยอยกลับมาเปิดได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจทำให้ประชาชนเริ่มวางใจ กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรม ซึ่งเป็นความเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อได้ การจะลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง ทุกคนต้องร่วมมือกันทำทุกมาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการใส่หน้ากาก  เว้นระยะห่าง ล้างมือ ใช้ชุดตรวจ ATK คัดกรองความเสี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อจำนวนมากและต้องปิดกิจการอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทุกคน" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว 
 

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยวันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,863 ราย รักษาหาย 10,383 ราย เสียชีวิต 68 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 107,790 ราย ภาพรวมการติดเชื้อยังทรงตัว ต่างจังหวัดมีแนวโน้ม
การติดเชื้อสูงขึ้น ส่วน กทม.และปริมณฑล แนวโน้มการติดเชื้อลดลง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตลงได้คือการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ขณะนี้ได้เร่งจัดสรรวัคซีนไปจังหวัดต่างๆ เพื่อเร่งรัดการฉีดให้ได้
ตามเป้าหมาย ร้อยละ 50 ของประชากร ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเตรียมรองรับการเปิดเมือง โดยเฉพาะจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยวันที่ 16 ตุลาคม 2564 สามารถฉีดวัคซีน
ได้เพิ่มขึ้น 1,063,719 โดส สะสม 65,202,741 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 37,446,713 ราย คิดเป็นร้อยละ 52  ของประชากร เข็ม 2 จำนวน 25,825,201 ราย คิดเป็นร้อยละ 35.9 ของประชากร และเข็มที่ 3 จำนวน 1,930,827 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.7 ของประชากร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ