โควิด-19

เตือน "โมลนูพิราเวียร์" อย่าซื้อแพงเกินจำเป็น มีขายถูกกว่าเกือบ 50 เท่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

7 องค์กรภาคประชาสังคม เตือน กระทรวงสาธารณสุข "โมลนูพิราเวียร์" ไม่มีสิทธิบัตรในไทย อย่าซื้อแพงเกินจำเป็น ยาอินเดียถูกกว่าเกือบ 50 เท่า

 

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทนองค์กรประชาสังคมที่ทำงานส่งเสริมการเข้าถึงยา ระบุถึงจดหมายที่ส่งถึงรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ และเลขาธิการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ว่า ยา "โมลนูพิราเวียร์" ไม่มีสิทธิบัตรในประเทศไทย ไทยสามารถนำเข้ายาที่กำลังจะผลิตและขายโดยบริษัทยาในอินเดียได้ในราคาที่ 400 - 460 บาทต่อการรักษา ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังเจรจาขอซื้อยาจากบริษัท เมอร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยาต้นแบบและมีแผนจะขายในอเมริการาคา 23,000 บาทต่อการรักษา

 

 

 

“แม้ว่าบริษัท เมอร์ค จำกัด อาจยอมลดราคาให้ไทย ตามนโยบายกำหนดราคาให้ประเทศต่าง ๆ ตามความพัฒนาของประเทศก็ตาม แต่คาดการณ์ได้ว่าน่าจะยังเป็นราคาที่แพงและเป็นภาระงบประมาณก้อนใหญ่กับระบบสาธารณสุขของไทย ในขณะที่บริษัทยาที่อินเดียผลิตยานี้ได้ ไทยสามารถนำเข้าหรือผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ได้ในราคาที่ถูกกว่ามาก เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องสิทธิบัตร”

 

นอกจากนี้ นายนิมิตร์ ยังระบุอีกว่า งานวิจัยฉบับหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ทำร่วมกับโรงพยาบาลแพทย์ของคิงส์คอลเลจ ยังพบว่าต้นทุนการผลิตยา "โมลนูพิราเวียร์" ราคาถูกมาก และควรมีราคาขายไม่เกิน 19.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 660 บาท) ต่อการรักษา ซึ่งราคาที่อ้างในงานวิจัยนี้ได้รวมต้นทุนการผลิตและบวกกำไรร้อยละ 10 และภาษีร้อยละ 27 แล้ว

 

 

 

กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม (มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ , เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย , กลุ่มศึกษาปัญหายา (กศย.) , ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) , มูลนิธิคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ , ชมรมเภสัชชนบท และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรี ภาคประชาชน (FTA Watch)) มีข้อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขต่อรองราคากับบริษัท เมอร์ค จำกัด ให้ได้ราคาที่เหมาะสมสำหรับยา "โมลนูพิราเวียร์" ที่จะจัดซื้อสำหรับรักษาผู้ป่วยได้ 200,000 รายในเดือนธันวาคมนี้

 

และนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์ที่เป็นยาชื่อสามัญจากอินเดียหรือให้บริษัทยาในประเทศผลิตในราคาที่ถูกในระยะต่อไป ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยเร่งพิจารณาและอนุญาตการขึ้นทะเบียนยาโมลนูพิราเวียร์ที่เป็นยาชื่อสามัญ เมื่อมีการมาขอขึ้นทะเบียนยา

 

ผลจากการวิจัยทดลองยา "โมลนูพิราเวียร์" ในระยะที่ 3 พบว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ช่วยลดอัตราการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลหรืออัตราการเสียชีวิตลดได้มากถึงร้อยละ 50 ในผู้ป่วย โควิด-19 ที่เป็นผู้ใหญ่และมีอาการป่วยไม่รุนแรง โดยที่ผู้ป่วยต้องกินยาในขนาด 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน บริษัท เมอร์ค จำกัด กำลังขอขึ้นทะเบียนยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยารักษา โควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ และมีแผนที่จะขอขึ้นทะเบียนยานี้กับ อย. ในหลายประเทศทั่วโลก

 

ยา "โมลนูพิราเวียร์" ไม่มีสิทธิบัตรจดไว้ในประเทศอินเดียและไทย ขณะนี้ มีบริษัทยาชื่อสามัญในอินเดียสามารถผลิตยานี้และกำลังขอขึ้นทะเบียนยากับ อย. ของอินเดียมากกว่า 8 บริษัท และคาดหมายว่าจะได้รับการอนุมัติและเริ่มขายในอินเดียปลายเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลให้มียาโมลนูพิราเวียร์หลายยี่ห้อแข่งขันในตลาดและมีราคาไม่แพง

 

ในขณะที่ประเทศเวียดนามได้เริ่มรักษา โควิด-19 ด้วยยาโมลนูพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงเกือบ 200,000 ราย นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยให้กินยาและรักษาตัวที่บ้าน

 

 

logoline