โควิด-19

"ศิริราช" เผยผล ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ชนิดไหนครอบคลุม ดูรายละเอียด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศูนย์วิจัยคลินิค คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล เทียบผลฉีดวัคซีน "ซิโนแวค" ครบ 2 เข็ม หากกระตุ้นเข็ม 3 ฉีดเต็มโดสกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงที่สุด

แฟนเพจเฟซบุ๊ก Siriraj Institute of Clinical Research โรงพยาบาลศิริราช โพสต์ข้อความ อัพเดตรายงานผลการวิจัยโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ระบุว่า หลังจากรับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 8-12 สัปดาห์ ระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีชนิด IgG เฉลี่ยอยู่ที่ 45-53 หน่วยต่อมิลลิลิตร เมื่อได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดเต็มโดส (0.3 มิลลิลิตร) มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 5,723 หน่วยต่อมิลลิลิตร

"ศิริราช" เผยผล ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ชนิดไหนครอบคลุม ดูรายละเอียด

รองลงมาเป็นการกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส (0.15 มิลลิลิตร) มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 4,598 หน่วยต่อมิลลิลิตรซึ่งสูงกว่าการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เทียบกับ 4-8 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม จะมีระดับแอนติบอดีชนิด IgG เฉลี่ยที่ 1,931.3 หน่วยต่อมิลลิลิตร

"ศิริราช" เผยผล ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ชนิดไหนครอบคลุม ดูรายละเอียด

ส่วนการกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า มีระดับแอนติบอดีชนิด IgG ขึ้นเฉลี่ย 1,599 หน่วยต่อมิลลิลิตร เทียบกับวัคซีนซิโนฟาร์มที่มีแอนติบอดีขึ้นเฉลี่ย 218.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร

"ศิริราช" เผยผล ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ชนิดไหนครอบคลุม ดูรายละเอียด

ผลต่อการยั้บยั้งสายพันธุ์เดลต้า ไฟเซอร์ขนาดเต็มโดสมีระดับไตเตอร์สูงที่สุด (839.9) รองลงมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์ขนาดครึ่งโดส (531.😎 วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (271.2) และวัคซีนซิโนฟาร์ม (61.3)

 

 สรุปว่า สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม การใช้วัคซีนไฟเซอร์ฉีดเป็นเข็มที่ 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงที่สุด และครึ่งโดสอาจจะเพียงพอได้ ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อยืนยันผลภูมิคุ้มกันที่ได้จากการศึกษานี้

logoline