คอลัมนิสต์

'พระเถระ' ถูกถอด และได้คืน 'สมณศักดิ์' อดีตและปัจจุบัน (ตอน 1)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนคดี ถอดสมณศักดิ์ 'พระพิมลธรรม' พระเถระ ถูกถอด และได้คืน 'สมณศักดิ์' ต่อสู้จนพ้นมลทิน จากอดีต และปัจจุบัน (ตอน 1)

จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้สถาปนา พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม วัดสามพระยา เป็นพระพรหมดิลก (สมณศักดิ์ ชั้นเจ้าคณะรอง ที่เคยครอง และถูกถอด เมื่อ 29 พ.ค.2561) โดยให้ถือว่า ไม่เคยถูกถอดสมณศักดิ์ และราชทินนามมาก่อน นั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ล้นกระหม่อม อย่างหาที่สุดมิได้

 

 

พระพรหมดิลก จึงดำรงสถานะความเป็นพระที่มีสมณศักดิ์ โดยไม่ได้เป็นพระสังฆาธิการ เช่นเจ้าอาวาสเป็นต้น 

ปัจจุบัน พระเทพวิสุทธิดิลก (ละเอียด) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสามพระยา

 

เรื่องพระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ)

 

ปัญหาพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ถูกถอดสมณศักดิ์ ให้เป็นพระอันดับ มีมาตลอด สมัยรัตนโกสินทร์ ก็ในช่วงรัชกาลที่ 1 เรื่อยมาถึงยุคปัจจุบัน 

 

แต่ที่จดจำและยังพูดถึง คือเรื่องพระพิมลธรรม (อาจ) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ เพราะชีวิตท่านผันผวนเหลือเชื่อ ถูกสังฆราชสั่งสึก ถูกถอดสมณศักดิ์ ถูกถอดจากเจ้าอาวาส กลายเป็นหลวงตา และพระลูกวัด แต่ใครนะทำชีวิตท่านให้พบกับความโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อต้องถูกจับ ถูกขังที่สันติบาล ข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ ผิดต่อความมั่นคงของรัฐ

 

โทษแบบนี้ไม่มีทางเลือก ต้องประหารชีวิตเท่านั้น ยิ่งสมัยจอมพลผ้าขาวม้าแดงด้วยแล้ว เรื่องแบบนี้ทำง่าย แต่เพราะอะไรไม่รู้ จอมพลคนดัง สิ้นชีพก่อน หลังจากจับท่านมา 1 ปี ส่วนสังฆราช ที่สั่งสึก  และหาวิธีต่างๆ เพื่อให้เหลือแต่ชื่ออาจ ดวงมาลา เท่านั้น ก็ไม่ทันเห็นผลงาน ก็ทรงล้มในห้องสรง มรณภาพไปก่อน หลังจากเป็นสังฆราชแค่ 2 ปี

              พระพิมลธรรม

ย้อนอดีต เมื่อ พ.ศ. 2503 คณะสงฆ์เกิดวิกฤต ครั้งมโหฬาร แบบที่ไม่เคยเกิดในคณะสงฆ์ไทยมาก่อน เมื่อพระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษดิ์ สังฆมนตรี ว่าการองค์การปกครอง (ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ 2484) เทียบเท่า รมว.กระทรวงมหาดไทย ถูกสมเด็จพระสังฆราช (กิตติโสภณเถระ) สั่งให้สึก และให้หายตัวไปภายใน 15 วัน นับแต่วันออกคำสั่ง (คำสั่งลงวันที่ 3 ก.ย.2503 และให้สึกวันที่ 8 ก.ย. 2503) อ้างว่าต้องอาบัติปฐมปาราชิก พระพิมลธรรม ไม่ปฏิบัติตาม เพราะกล่าวหาไม่มีมูล

 

23 ต.ค. 2503 ถูกสั่งปลดจากตำแหน่งอธิบดีสงฆ์ (เจ้าอาวาส) วัดมหาธาตุ โทษฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

 

11 พ.ย. 2503 ถูกถอดสมณศักดิ์ โทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งสมเด็จพระสังฆราช (ที่สั่งให้สึก ให้หายตัวไปใน 15 วัน) จึงมีฐานะเป็นเพียงพระหลวงตา (หลังจากถูกถอดสมณศักดิ์)  กลายเป็นพระลูกวัด หลังจากถูกถอดจากตำแหน่งอธิบดีสงฆ์ (เจ้าอาวาส)

 

เคราะห์ขั้นอุกฤษฎ์ของพระอาจ ยังไม่หยุด คือเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2504 ท่านถูกตำรวจจับกุมตามคำสั่ง ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ และกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ภายในราชอาณาจักร (กบฏ) ข้อหานี้แรงถึงขั้นประหารชีวิต ด้วยข้อหานี้ ตำรวจนำตัวจากวัดมหาธาตุ ไปฝากขังที่สันติบาลกองหนึ่ง

 

เมื่อจะถูกขัง ก็ต้องสึก ตำรวจนิมนต์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ มาสึก แต่อดีตพระพิมลธรรม ไม่ยอม ขอสู้คดีในผ้าเหลือง เมื่อไม่ยอมสึก พระเถระผู้ใหญ่ ไม่รู้จะทำเช่นไร นอกจากบังคับ โดยแบ่งหน้าที่กัน พระเถระรูปหนึ่งปลดผ้าสังฆาฏิ อีกรูปเปลื้องจีวรออก นำผ้าขาวม้าลายดำมาให้นุ่ง

 

การบังคับนี้เกิดเมื่อเวลาตีหนึ่ง วันที่ 21 เม.ย. 2505 ต่อมาท่านก็นุ่งขาว ห่มขาว จำวัดที่สันติบาล ทำตัวเหมือนพระภิกษุทุกประการ เว้นแต่ไม่ได้ครองจีวรเท่านั้น คดีของท่านเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร จึงขึ้นศาลทหาร เมื่อ พ.ศ. 2507 และศาลพิพากษา 30 ส.ค. 2509 ยกฟ้องจำเลย อดีตพระพิมลธรรม จึงเป็นอิสระ

 

คำพิพากษานั้น ให้สติจำเลยว่า เรื่องที่เกิดนั้นเป็นคราวเคราะห์ หรือกรรมเก่าของจำเลย หรือมิฉะนั้นก็เป็นการสร้างบาปกรรมของคนมีกิเลส มิใช่ความผิดของผู้ใด แต่เป็นความผิดของสังสารวัฏ พระสงฆ์และฆราวาส ที่คอยฟังคำพิพากษานับร้อยรูป/คน เช้าวันนั้นย่านคลองหลอด ต่างเปล่งสาธุการกึกก้อง

 

สิ้นคำพิพากษาท่านครองจีวรตามเดิม เพราะไม่เคยเปล่งวาจาขอลาสึก เดินทางไปไหว้พระ และเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ แล้วบอกเจ้าอาวาสว่า ได้อธิษฐานจำพรรษาที่สันติบาล จึงขออยู่ที่นั่น ออกพรรษาแล้วจึงจะกลับวัดมหาาตุ 

 

กรมการศาสนา ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม รายงานเรื่องการหลุดพ้นคดีของอดีตพระพิมลธรรมให้ มหาเถรสมาคม (มส.)ทราบ โดยที่ไม่มีกรรมการ มส. ท่านใดโต้แย้ง

  พระพิมลธรรม

ส่วนการได้คืนสมณศักดิ์ และอธิบดีสงสงฆ์ เป็นเพราะสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์) เจ้าอาวาส วัดจักรวรรดิ์ และกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นผู้นำในการเรียกร้องขอความเป็นธรรม ท่านจึงได้รับสมณศักดิ์ พระพิมลธรรม คืน พ.ศ. 2518 เมื่อ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ยุคนั้น อัญเชิญไปถวายคืน ทั้งหิรัญบัฏ พัดยศ และเครื่องประกอบสมณศักดิ์  ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุ

 

ส่วนตำแหน่งเจ้าอาวาส หรืออธิบดีสงฆ์ ได้รับแต่งตั้งอีกครั้ง เมื่อ 5 ต.ค. 2524 หลังจากพระธรรมปัญญาบดี (สว้สดิ์) ที่เป็นเจ้าอาวาส มรณภาพ วันที่ 15 ก.ย.2523 พระพิมลธรรมจึงได้รับการจารึกว่า เป็นอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ องค์ที่ 16 และ ที่ 18

 

หลังจากความผันผวนแห่งชีวิตสงบ ผู้คนที่ทำร้ายท่าน ทั้งพระและ ฆราวาส มรณภาพ/ตาย ไปก่อนท่าน และเป็นการสิ้นชีพ แบบคาดไม่ถึง ส่วนที่ยังมีชีวิต ก็ประสบชะตากรรมแปลกๆ ในบั้นปลายชวิต

 

ในขณะที่พระพิมลธรรม (อาจ) พบแต่ความเจริญ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อ 5 ธ.ค. 2528

 

  • เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พ.ศ. 2531
  • และมรณภาพ 8 ธ.ค. 2532  สิริอายุ 86 ปี

 

นี่คือพระเถระ ที่มีความผันผวนในชีวิต แต่บุญบารมีช่วยประคับประคองรอดมาได้ ดังภาษิตว่า

 

ประเดี๋ยวดี มีชื่อ ลือสังคม

ประเดี๋ยวจม ล้มลุก ซุกซ่อนหน้า

ประเดี๋ยวมี ชื่อเด่น เป็นดารา

ประเดี๋ยวมา หน้าเศร้า เข้าตาราง.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ