(คลิปข่าว) ค้าปลีกฯ ขวางประมูลดิวตี้ฟรีสัญญาเดียว 4 สนามบิน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยค้านประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีสัญญาเดียว 4 สนามบิน เหตุพื้นที่และจำนวนผู้โดยสารแต่ละสนามบินแตกต่างกัน และควรเปิดประมูลโดยแยกตามหมวดหมู่สินค้า

ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย วรวุฒิ อุ่นใจ เผยว่า เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เห็นชอบให้แยกสัญญาในการให้สิทธิบริหารพื้นที่ให้บริการในสนามบินแต่ละแห่งภายใต้ความดูแลออกเป็น 3 สัญญา คือ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี หรือ Duty Free กิจกรรมเชิงพาณิชย์ และกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดภาษี หรือ Duty Free Pick-up Counter เพราะทั้ง 3 กิจการมีลักษณะของธุรกิจที่แตกต่างกัน       แม้ยังไม่มีรายละเอียด TOR แต่สมาคมฯ ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดเกณฑ์เงื่อนไขสัมปทานดิวตี้ฟรีสำหรับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นแบบรายเดียว ตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท. ได้เคยประกาศไว้ และสมาคมฯ ได้นำเสนอถึงข้อดีของการกำหนดเกณฑ์สัมปทานแบบหมวดหมู่สินค้ามาตลอด โดยมองว่าการจัดสัมปทานแบบหมวดหมู่สินค้า อย่างน้อย 4 หมวด ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง แฟชั่นและเสื้อผ้าแอลกอฮอล์และยาสูบ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า จะทำให้มีสินค้ามีความหลากหลาย มีคุณภาพ ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตมากขึ้น จากการที่นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าถูกใจได้มากขึ้น และเชื่อว่าจะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้มากขึ้นอย่างต่ำ 5 หมื่นล้าน/ปี หรืออาจสูงสุดถึง 1 แสนล้าน/ปี ซึ่งมาจากการเพิ่มอัตราการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว  นอกจากนี้ ยังเห็นว่าภาครัฐหรือ ทอท.ควรได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากค่าธรรมเนียมสัมปทานไม่ต่ำกว่า 30% เทียบเท่ามาตรฐานสากลเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40% โดยกำหนดระยะเวลาสัมปทานคราวละ 5-7 ปี  ให้ผลประโยชน์เข้ารัฐมากขึ้นแทนที่จะให้รายเดียวผูกขาดอย่างปัจจุบันที่ให้ผลตอบแทนราว 15-19% ส่วนการกำหนดหลักเกณฑ์ TOR ที่จะรวม ร้านค้า Duty Free ของสนามบินสุวรรณภูมิรวมเข้ากับสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต สมาคมฯ ไม่เห็นด้วย เพราะสนามบินแต่ละแห่งมีลักษณะต่างกัน การกำหนดหลักเกณฑ์ควรแยกจากกัน เนื่องจากสนามบินทั้ง 3 แห่งมีขนาดเล็ก เพียง 1,000-1,200 ตร.ม. เท่านั้น แต่สมาคมฯ เห็นด้วยหาก ทอท.จะนำ 3 สนามบินมารวมกันเป็นสัมปทานเดียวแล้วนำออกมาประมูลและกำหนดหลักเกณฑ์เป็นสัมปทานแบบรายเดียว  (Master Concession) ซึ่งสามารถดำเนินการได้ เพราะมีขนาดเล็ก    ส่วนการประมูลจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะ (Pick Up Counter) เห็นว่า ทอท.ควรเป็นผู้ดำเนินการให้บริการเปิดจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะ โดยไม่ต้องเปิดสัมปทาน หรือ ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ว่าผู้ที่จะเข้าประมูลต้องไม่ประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในเมืองหรือมีส่วนได้เสียในสัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรี เพราะจะเห็นข้อมูลของคู่แข่ง ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันทางธุรกิจ  อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จะเฝ้าติดตามสถานการณ์การประมูลรายละเอียด และเงื่อนต่างๆ รวมถึงกระบวนการในการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติและการเปิดซองประมูล รวมถึงกระบวนการหลังการประมูลทุกขั้นตอน ที่ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้  ซึ่งสมาคมฯ ได้ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอดว่า ไม่ว่าผลของการประมูลจะเป็นอย่างไร สมาคมฯ ยังคงยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ