(คลิปข่าว) นาโตหวั่นรัสเซียเพิ่มขีปนาวุธ ระดมสมองหาทางรับมือ

หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ประกาศถอนตัวออกจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces agreement หรือ INF) โดยอ้างว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลงดังกล่าวด้วยการครอบครองระบบขีปนาวุธใหม่ชนิดหนึ่งในขณะที่รัสเซียเอง ก็ออกมาตอบโต้ว่า สหรัฐฯ เองต้องการถอนตัวเพราะกำลังเดินหน้าผลิตนิวเคลียร์ขนาดเล็ก และกำลังเตรียมนำมาใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้นี้

เรื่องดังกล่าวสร้างความตระหนกตกใจให้กับบรรดาประเทศสมาชิกนาโต ว่าการที่ทั้งสองประเทศนั้นเมินให้ความสำคัญกับสัญญาดังกล่าว จะทำให้การสั่งสมอาวุธของทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะทางด้านรัสเซีย อาจจะมีการสะสมขีปนาวุธใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นนาโต จึงได้เตรียมการในการรับมือเรื่องดังกล่าวโดยเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้  บอกว่ากลุ่มนาโตจะยกระดับการป้องกันตนเอง โดยพวกเขามีการประชุมวาระสำคัญที่สุดในการประชุมของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโต้ในกรุงบรัสเซลส์  โดยบรรดาประเทศสมาชิกของนาโตเรียกร้องให้ รัสเซีย กลับมาปฏิบัติตามสนธิสัญญาดังกล่าว ด้วยการละทิ้งระบบขีปนาวุธใหม่ 9M729ที่เชื่อว่ามีพิสัยทำการเกินกว่าที่สนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดเอาไว้  เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก ยังได้ย้ำว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ขีปนาวุธใหม่ของรัสเซียจะก่อความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ เนื่องจากมันสามารถเคลื่อนที่, ยากที่จะตรวจจับ และเหลือระยะเวลาเตือนภัยแค่ช่วงสั้นๆ       ในขณะที่ทางด้าน เคย์ ไบลีย์ฮัตชิสัน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำนาโต้ บอกว่าทางด้านกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯเองก็ได้เริ่มมองหาแนวทางที่สุดในการป้องกันขีปนาวุธใหม่ของรัสเซีย  สำหรับสนธิสัญญา INF ได้ห้ามพัฒนาขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นที่มีพิสัย 500 ถึง 5,500 กิโลเมตร ซึ่งมีผลยุติการแข่งขันสะสมหัวรบ รวมทั้งหัวรบนิวเคลียร์ระหว่างอภิมหาอำนาจทั้งสอง อันสร้างความตื่นกลัวให้แก่ยุโรปว่าจะต้องกลายเป็นสมรภูมิของสงครามนิวเคลียร์ ข้อตกลงนี้ช่วยคลี่คลายวิกฤตการจากการที่ขีปนาวุธนำวิถีซึ่งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ของสหภาพโซเวียต กำลังเล็งเป้าหมายไปที่บรรดาเมืองหลวงของพวกชาติตะวันตกโดยเฉพาะในยุโรปแต่เมื่อเวลานี้ ทั้งสองประเทศไม่ได้คำนึงถึงสนธิสัญญาดังกล่าวอีกต่อไป ก็ทำให้บรรดาประเทศในยุโรปก็ต้องมาอกสั่นขวัญแขวนอีกครั้งว่า พวกเขาอาจจะตกเป็นเป้าหมายในสมรภูมิสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหม่ ก็เป็นไปได้