
ความแตกต่างระหว่าง "กราโนล่า" กับ มุสลี่
"กราโนล่า" ได้ขึ้นแท่นอาหารเช้าสุดโปรดของคนไทยหลาย ๆ คนไปแล้ว เนื่องจากความแปลกใหม่ของรสชาติ รวมกับเทรนด์รักสุขภาพที่คนหันทานกราโนล่ามากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่ากราโนล่ามีความแตกต่างมุสลี่นะ
ความแตกต่างระหว่างมูสลี่กับกราโนล่า
ปัจจุบันถ้าเราพูดถึงคำว่า อาหาร เราคงไม่ได้นึกถึงเพียงอาหารไทยอย่างเดียว วันนี้โลกไร้พรมแดนได้ทำให้การติดต่อสื่อสารข้ามชาตินั้นสะดวกและรวดเร็วกว่าที่เคย และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนรความรู้และวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งวัฒนธรรมในที่นี้ยังรวมถึงวัฒนธรรมอาหารอีกด้วย
โดยปกติแล้วคนไทยส่วนมากมักจะทานข้าวเป็นอาหารเช้า แต่วันนี้ด้วยการแลกเปลี่ยนของวัฒนธรรมจากประเทศทางตะวันตก ทำให้ "กราโนล่า" และ มุสลี่ กลายเป็นอาหารเช้าทางเลือกของผู้คนมากขึ้น เนื่องจากมีรสชาติที่ดีและมีวิธีการเตรียมการที่ค่อนข้างง่าย แต่ผู้เขียนยังรู้สึกว่า ในประเทศไทยนั้นกราโนล่าจะเป็นที่นิยมมากกว่ามุสลี่ ซึ่งอาจจะด้วยความหลากหลายของรสชาติที่มีให้เลือกซื้อ แต่สงสัยไหมว่าแล้วกราโนล่ากับมุสลี่ต่างกันอย่างไรล่ะ
ความต่างของกรรมวิธีการทำ
มูสลี่กับกราโนล่าจะเหมือนกันตรงที่ทั้งคู่ประกอบด้วยธัญพืช ถั่วต่าง ๆ เมล็ดพืช และผลไม้แห้ง แต่ความแตกต่างหลักจะเป็นการที่ มูสลี่ จะ ไม่นำธัญพืชไปอบ ในขณะที่ กราโนล่า จะถูกนำไปอบกรอบ และ เพิ่มสารให้ความหวานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล หรือ น้ำผึ้ง รวมถึง มีการใช้น้ำมัน เพื่อให้รสชาติของกราโนล่า มีความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน และความกรุบกรอบและรสชาติแห่งความหวาน นี้จึงอาจเป็นสิ่งที่ทำให้กราโนล่าได้รับความนิยมในประเทศไทย
ความต่างในรูปแบบการเสิร์ฟ
มูสลี่สามารถเสิร์ฟแบบเย็น (แช่ในของเหลว) หรือร้อน (นำมาต้มกับน้ำร้อนหรือนมร้อน) ในทางกลับกัน "กราโนล่า" มักจะเสิร์ฟแบบเย็น ซึ่งจะเสิร์ฟพร้อมกับนมหรือโยเกิร์ต
ความต่างด้านโภชนาการ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้ง "กราโนล่า" และมูสลี่ต่างเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งคู่เนื่องจากประกอบไปด้วยธัญพืช และเสิร์ฟคู่กับนมหรือโยเกิร์ตที่ต่างมีสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อสุขภาพ แต่หากต้องการควบคุมการทานน้ำตาลในแต่ละมื้อ มุสลี่ก็จะตอบโจทย์การทานอาหารมากกว่าเนื่องจากไม่มี ส่วนผสมของน้ำตาล หรือมีน้อยกว่าในกราโนล่า
ที่มาข้อมูลและรูปภาพ:
https://www.jessicagavin.com
https://www.thekitchn.com