
ความเชื่อ "จันทรคราสสีเลือด" ลางร้ายอุบัติ สัญญาณเหตุแห่งบ้านเมือง?
ความเชื่อ "จันทรคราสสีเลือด" หรือ จันทรุปราคา ลางร้ายอุบัติ สัญญาณเหตุแห่งบ้านเมือง? ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อย 7-8 กันยายน 2568 ประเทศไทยก็เห็นชัด
ความเชื่อเกี่ยวกับ "จันทร์สีเลือด" (blood moon) แตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เหตุร้าย หรือการสิ้นสุดบางสิ่ง
- ชาวเมโสโปเตเมียและอินคา เป็นสัญลักษณ์ของการล่มสลายหรือการตายของกษัตริย์
- บางวัฒนธรรมพื้นเมืองอเมริกันมองว่าเป็นการสิ้นสุดของความรัก
- ส่วนในประเทศไทย ความเชื่อดั้งเดิมคือ "เป็นลางร้าย?"
อย่างไรก็ตามในทางวิทยาศาสตร์ "จันทร์สีเลือด"เป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงที่เกิดขึ้นเมื่อโลกบังแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดการกระเจิงแสงในชั้นบรรยากาศโลก และส่องกระทบพื้นผิวดวงจันทร์เป็นสีแดง ปรากฏการณ์จันทร์สีเลือด หรือ จันทรุปราคาเต็มดวง ไม่ได้เกิดขึ้นทุกปี แต่จะเกิดขึ้นประมาณ 2-4 ครั้งในรอบ 2.5 ปี ซึ่งบ่อยครั้งที่ปีนั้นมีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น
ความเชื่อเกี่ยวกับจันทร์สีเลือด
เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน บางครั้งอาจรุนแรงหรือคาดไม่ถึง ทำให้ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดบางสิ่ง และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ในรูปแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
บางวัฒนธรรมเชื่อว่าเป็นเวลาในการสำรวจด้านมืดของตนเอง ดำดิ่งสู่ความรู้สึกที่ซ่อนเร้น เช่น ความโกรธและความโศกเศร้า รวมถึงปล่อยวางและเยียวยา
"ทำนายโชคร้าย"
- ในความเชื่อของไทยหลายอย่าง ถือเป็นสัญญาณบอกเหตุร้ายในบ้านเมือง หรือการสิ้นชีพของบุคคลสำคัญ
การแก้เคล็ด :แนะนำให้ทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ หรือบริจาคเงินเพื่อแก้เคล็ด
- จากคัมภีร์ : ในศาสนาคริสต์ มีการอ้างอิงถึงจันทรุปราคาว่าเป็นสัญญาณของวันสิ้นโลกก่อนที่วันใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระเจ้าจะมาถึง
- เมโสโปเตเมียและอินคา : เชื่อว่าเป็นการรุกรานจากยมโลก หรือการล่มสลายของกษัตริย์
- ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน : บางเผ่าเชื่อว่าดวงจันทร์เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ ต้องได้รับการเยียวยา
- ฮินดู : เชื่อว่าราหูอมจันทร์เป็นผลจากราหูดื่มน้ำอมฤต
- อิสลาม : ตีความจันทรุปราคาในเชิงเคารพต่ออัลลอฮ์ โดยจะมีการสวดมนต์พิเศษเพื่อขออภัยโทษและยืนยันความยิ่งใหญ่ของพระองค์
คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Lunar eclipse) เกิดขึ้นเมื่อโลกเคลื่อนที่อยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เงาของโลกบังแสงอาทิตย์ที่ส่องไปกระทบดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ปรากฏเป็นสีแดงสนิม แสงสีแดงนี้เกิดจากการกระเจิงของแสงสีฟ้าโดยโมเลกุลในชั้นบรรยากาศของโลก ความหนาแน่นของฝุ่นละอองหรือเมฆในชั้นบรรยากาศโลกจะส่งผลต่อความเข้มของสีแดง