พระเครื่อง

'สนใจสะสมพระเพราะใจรักชอบ'ภูมิพัทธ์ บุนนาค ไม่ใช่เซียนแต่ดูพระได้เหมือนเซียน

'สนใจสะสมพระเพราะใจรักชอบ'ภูมิพัทธ์ บุนนาค ไม่ใช่เซียนแต่ดูพระได้เหมือนเซียน

05 มิ.ย. 2554

ภูมิพัทธ์ บุนนาค แม้จะไม่ใช่เซียนพระ แต่ก็มีความรู้ในการดูพระได้เหมือนเซียนพระ ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูของคนในวงการพระมากนัก แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนประจำคอลัมน์ คมเลนส์ส่องพระ คงจะเคยเห็นชื่อนี้ผ่านสายตามาบ้างแล้ว เพราะมีภาพพระของเขาลงอยู่บ้างในบางครั

นอกจากนี้ ภูมิพัทธ์ ยังนิยมส่งพระเข้าประกวดตามงานประกวดพระรายการใหญ่ๆ โดยพระทุกองค์ได้รับรางวัลมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรางวัลชนะเลิศ หรือรางวัลรองๆ ลงมาก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด คือความภูมิใจที่พระทุกองค์ล้วนเป็นพระแท้ และเป็นพระสวยดูง่ายอีกด้วย ก็ได้อาศัยพระเหล่านี้เป็นครูสอนให้ดูพระจนถึงทุกวันนี้

 ภูมิพัทธ์ เล่าถึงเรื่องราวก่อนเข้ามาสู่วงการพระว่า "คุณพ่อผมเป็นนักสะสมพระเครื่องมาก่อน มีพรรคพวกในวงการพระมากมาย ส่วนใหญ่เล่นพระกรุ หลายคนรู้จักกับนักขุดหาพระ จึงมักจะได้พระกรุมือแรก ที่รู้ว่าเป็นพระแท้ก็เพราะเอาไปขายเซียนใหญ่ในวงการ บางองค์ส่งเข้าประกวดก็ได้รับรางวัลเสมอ ลองส่งใหม่หลายๆ ครั้ง ผลก็ออกมาเหมือนเดิม คือได้รับรางวัลทุกครั้งไป จนบางงานกรรมการถึงกับขอซื้อก็มี ต่อมาเมื่อผมเรียนจบปริญญาตรี ทำงานอยู่กับบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง มีเพื่อนคนหนึ่งตกงาน ไม่มีเงินใช้ ผมจึงได้ปรึกษากับคุณพ่อ ท่านได้เอาพระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าหนุ่ม ที่เคยซื้อไว้หลายปีแล้ว ไม่กี่หมื่นบาท พ่อบอกว่าให้เอาพระองค์นี้ไปขายเซียนพระคนหนึ่ง ในราคาเฉียดแสน ผมมารู้ภายหลังว่าเป็นราคาตกควาย ขายผิดราคาไปมาก และกว่าจะเอาเงินเขาได้ก็ต้องไปทวงถามหลายครั้ง ต่อมาพระองค์นี้มีคนซื้อต่อ แล้วเอาไปส่งเข้าประกวด มีคนไปซื้อต่อในราคาหลายแสนบาท ทำให้รู้ว่า พระแท้พระสวยขายได้ง่าย และมีกำไรมาก ทำให้ผมเกิดความสนใจที่จะสะสมพระบ้าง หากดูพระเก่ง ผมคิดว่าจะทำรายได้ดีเช่นพวกเซียนพระทั้งหลาย จึงได้ไปหาซื้อหนังสือพระมาอ่าน คือ นิตยสารพระเครื่องลานโพธิ์ และนิตยสารอาณาจักรพระเครื่อง ของจ่าเปี๊ยก ปรีชา เอี่ยมธรรม ได้รับความรู้จากนิตยสาร ๒ ฉบับนี้มาก จึงหาซื้อเล่มเก่าๆ ย้อนหลังเอามาอ่านและศึกษาอย่างจริง โดยจะทำสารบัญเรื่องเอาไว้ว่า เรื่องอะไรอยู่ในหนังสือเล่มไหน เพื่อจะค้นคว้าหาได้ง่ายขึ้น ที่บ้านจึงมีนิตยสารพระและตำราพระเต็มไปหมดทุกห้อง เพราะใจรักในการศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอ พร้อมกันนั้นก็ได้เข้าสนามพระบ้าง เลียบๆ เคียงๆ อยู่หลายวัน จึงพอรู้ว่าคนไหนเล่นพระดี มีคุณธรรม และรับประกันพระที่ขายออกไป จึงไปขอซื้อพระจากคนนั้น แล้วเอามาศึกษา พร้อมกับขอคำแนะนำจากคุณพ่อและเพื่อนๆ ของท่าน พระองค์หนึ่งที่เพื่อนของคุณพ่อขายให้คือ พระร่วง สนิมแดง เมืองสุพรรณ ผมส่องดูเนื้อพระชอบมาก จึงถือเป็นพระองค์ครู จนทำให้ผมชอบสะสมพระเนื้อชินสนิมแดงตั้งแต่ตอนนั้น"

 ต่อมามีผู้ใหญ่พาภูมิพัทธ์ไปซื้อพระจากเซียนใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งมีความอาวุโสในวงการมาก พระของท่านทุกองค์ล้วนเป็นที่หมายปองของคนในวงการพระ แต่โอกาสที่เข้าถึงตัวท่านนั้นยากมาก และเมื่อพบท่านแล้วจะแสดงอาการอวดรู้อวดเก่งไม่ได้ หรือต้องการโน่นต้องการนี้ก็ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อรองราคาไม่ได้ด้วย คำไหนคำนั้น ไม่เอาก็ไม่ว่า แต่วันหลังอย่าหวังว่าจะได้ไปพบท่านอีกเลย พระรังนี้ ภูมิพัทธ์ ไปได้มาแล้วหลายองค์ และเป็น "พระองค์ครู" อีกสายหนึ่งที่สอนให้ภูมิพัทธ์ดูพระอย่างหลากหลายประเภท เป็นการเรียนรู้จากการดูพระแท้องค์จริงเป็นหลัก

 ภูมิพัทธ์ บอกว่า หลักการดูพระที่ได้รับคำแนะนำมาจากคุณพ่อและเพื่อนๆ ของท่าน ก็เหมือนกับที่บรรดาเซียนพระทั่วไปยึดถือกันมาเป็นส่วนใหญ่ คือ ๑.พิมพ์ ต้องถูกต้องตามที่เคยพบเห็นในพระพิมพ์นั้นๆ มาก่อน ๒.เนื้อหามวลสาร และ ๓.ธรรมชาติความเก่า

 นอกจากนี้ คือ การศึกษาหาความรู้จาก หนังสือพระ และ ตำราพระ แต่ต้องเลือกด้วยว่าเป็นหนังสือหรือตำราพระที่นำเสนอแต่พระแท้เป็นหลัก เพราะทุกวันนี้ มีหนังสือพระและตำราพระที่ลงแต่ภาพพระปลอมก็มีเหมือนกัน และที่น่าสงสารคนซื้อไปศึกษา คือ หนังสือตำราพวกนี้ขายดีเสียด้วย

 และที่สำคัญ คือ การหาพระแท้องค์จริงมาศึกษาด้วยตนเอง หัดดูหัดส่องพระอย่างละเอียด เพื่อหาจุดสังเกตต่างๆ บนองค์พระทุกซอกทุกมุม แล้วจดจำให้แม่น เมื่อไปพบเห็นองค์อื่นที่เป็นพระพิมพ์เดียวกันกรุเดียวกันจะได้ตัดสินใจถูกว่า พระองค์นั้นเป็น พระแท้ หรือ พระปลอม

 นอกจากนี้ ภูมิพัทธ์ ได้ให้ความสนใจใน พระหลวงปู่โต๊ะ คือ วันหนึ่งมีผู้ใหญ่พาไปทำบุญที่วัดถ้ำสิงโตทอง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จึงได้ทราบว่า วัดนี้สร้างขึ้นโดยหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ในช่วงนั้นทางวัดกำลังหากรรมการทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำปัจจัยซ่อมแซมกุฏิสงฆ์ จึงได้ขอเป็นเจ้าภาพด้วย เมื่อเจ้าอาวาสเห็นชื่อและนามสกุลของ ภูมิพัทธ์ จึงได้ถามว่า เคยไปกราบหลวงปู่โต๊ะไหม เคยไปวัดประดู่ฉิมพลีไหม รู้ไหมว่าใครเป็นผู้สร้างวัดประดู่ฉิมพลี...เมื่อไม่ได้รับคำตอบจาก ภูมิพัทธ์ เจ้าอาวาสจึงบอกว่า ผู้สร้างวัดประดู่ฉิมพลี คือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) แต่ครั้งยังเป็น พระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา จางวางพระคลังสินค้า ได้สถาปนาวัดนี้ขึ้น เมื่อปลายรัชกาลที่ ๓ มาสำเร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ ๔

 เมื่อได้ทราบดังนี้ ภูมิพัทธ์ ถึงกับเกิดความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทราบว่า บรรพบุรุษของสายตระกูลตัวเองเป็นผู้สร้างวัดประดู่ฉิมพลี อันเป็นที่พำนักของ หลวงปู่โต๊ะ พระเถราจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลัง และพระเครื่องของท่านก็ได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวาง เพราะมีประสบการณ์ในทุกด้านตลอดมา จึงเกิดแรงบันดาลให้ ภูมิพัทธ์ เริ่มสะสมพระหลวงปู่โต๊ะตั้งแต่บัดนั้น

 ทุกวันนี้ ภูมิพัทธ์ ยังคงหาซื้อพระสวยแท้ดูง่ายเข้าบ้านอยู่เสมอ ส่วนใหญ่เพื่อการสะสมเป็นหลัก แต่มีบ้างที่มีเพื่อนหรือคนรู้จักมาขอแบ่งปันพระไปบ้าง ก็จะเลือกเอาองค์ที่มีซ้ำกันให้ไป ภูมิพัทธ์ไม่มีร้านพระ และไม่ได้ซื้อขายพระตามอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่จะเก็บสะสมเป็นหลัก และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นในเรื่องพระเครื่องต่างๆ โดยติดต่อได้ที่โทร.๐๘-๑๒๖๗-๐๖๗๘

0 ตาล ตันหยง 0