
พระเหนียวมาแรง! รับกระแสเลือกตั้ง ส.ส."ทุกครั้ง-ทุกพื้นที่"
"นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รอดจากการถูกรุมสกรัมตอนม็อบบุกมาได้ทั้งเนื้อทั้งตัวแขวนพระสมเด็จวัดระฆังอยู่องค์เดียว"
"ยิงอดีต ส.ส.ประชา ประสพดี ที่แขวนพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ซึ่งถูกลั่นกระสุนใส่ขณะกำลังเอี้ยวตัวเก็บพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมให้เข้าไปในอกเสื้อพอดีทำให้กระสุนถูกที่ไม่สำคัญ"
๒ ข่าวนี้ถือว่าสามารถสร้างกระแสและความสนใจในพุทธคุณของพระเครื่องเป็นอย่างดี ที่สำคัญคือในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ตลาดพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่า "มีพุทธคุณเหนียวและคงกระพัน" มาแรงเป็นพิเศษ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี คือ กำนันประยงค์ พิมพ์เพราะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี หรือที่รู้จักกันในนาม “กำนันยง” กำนันคนดังแห่งเมือราชบุรี ได้นำพระรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่แผ้ว ปวโร แห่งวัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ไปลองยิงด้วยปืนของตัวเอง ปรากฏว่าลูกปืนที่ยิงนั้นขัดลำกล้อง การลองของครั้งนี้ถึงกับทำให้กำนันยงไปเช่าพระรุ่นดังกล่าวนับร้อยองค์เพื่อไปแจกจ่ายเพื่อนฝูง
ขณะเดียวกันเรื่องลองยิงพระของกำนันยงไปเข้าหูนายมานิต นพอมรบดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ราชบุรี เขต ๒ พรรคมัชฌิมาธิปไตย (สามีของนางกอบกุล นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคไทยรักไทย) ถึงกับทำให้ ส.ส.มานิต เดินทางไปลองพระหลวงปู่แผ้วด้วยตัวเอง สุดท้ายก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เช่าพระรุ่นดังกล่าวนับร้อยองค์เพื่อไปแจกลูกน้องและเพื่อนฝูง
ในขณะที่เหรียญหลวงปู่ช่วง หรือพระครูนนทวุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ซึ่งตั้งอยู่หลังเรือนจำบางขวาง อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นที่แสวงหาของนักเลงพระเมืองนนทบุรี โดยมีความเชื่อว่า "มีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน หรือหนังเหนียว" ก็เป็นที่แสวงหาของผู้สมัคร ส.ส.ในเขต จ.นนทบุรี
นายฉลอง เรี่ยวแรง ผู้สมัคร ส.ส.เขต ๖ จ.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่สะสมเหรียญหลวงปู่ช่วงไว้มากที่สุด ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น "เซียนเหรียญหลวงปู่ช่วง" โดยตรงก็ว่าได้
ส่วนเหตุผลที่ ส.ส.ฉลอง เรี่ยวแรง ชอบสะสมเหรียญหลวงปู่ช่วง ก็เพราะท่านเคยแสดงปาฏิหาริย์กับตัวเองและลูกน้องหลายครั้ง ทั้งนี้ เขากล้าพูดอย่างเต็มปากว่า "ถ้าจะให้เลือกระหว่างเหรียญหลวงปู่ช่วง กับพระสมเด็จบางขุนพรหม ผมยอมทิ้งพระสมเด็จบางขุนพรหม แต่ขอเก็บเหรียญหลวงปู่ช่วง"
ทั้งนี้ ส.ส.ฉลอง เคยประสบเหตุการณ์ที่เฉียดตายไม่มีวันลืม คือเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๓๕ ขณะนั้นยังไม่ได้เป็น ส.ส. ด้วยเหตุผลดังกล่าว ส่งผลให้เหรียญหลวงปู่ช่วงมีราคาสูงถึงหลักหมื่นบาท เมื่อเป็นเหรียญมีราคาสูง การทำเหรียญปลอมออกมาหลอกขายในตลาดพระเครื่องจึงมีจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่นับวันเหรียญหลวงปู่ช่วงของแท้ยิ่งหายาก ในขณะที่คนอยากได้ ส.ส.ฉลอง เลยนำเหรียญหลวงปู่ช่วงของปลอมที่เช่ามา ซึ่งมากกว่าเหรียญหลวงปู่ช่วงของแท้ด้วยซ้ำ เอาไปหลอมรวมกับตะกรุดของโบราณาจารย์ และโลหะศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็นำพระรูปหล่อลอยองค์หลวงปู่ช่วงไปอธิษฐานจิต ขออำนาจบุญบารมีต่อหน้ารูปปั้นหลวงปู่ช่วงที่วัด ขอให้ช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่ครอบครองบูชาอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งนี้ ได้ถวายเหรียญส่วนหนึ่งให้วัดบางแพรกเหนือ เพื่อให้ประชาชนเช่าบูชานำปัจจัยเข้าวัด อีกส่วนหนึ่งได้เก็บไว้เพื่อแจกให้ผู้ที่เคารพนับถือ
นายเสมอ งิ้วงาม หรือ “ป๋อง สุพรรณ” เลขานุการสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ในช่วงเหตุการณ์ทางการเมืองมีความรุนแรงในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา และยิ่งเป็นช่วงเลือกตั้งที่มีข่าวการลอบทำร้าย ส่งผลให้ตลาดพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่าพุทธคุณเหนียว มหาอุด และคงกระพัน ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ยิ่งรุ่นไหนมีเรื่องเล่าของประสบการณ์มากความนิยมและค่านิยมก็มากเป็นเงาตามตัว บางคนมีเงินมากก็จะเช่าพระเก่า ส่วนรายที่มีเงินน้อยก็เช่าพระใหม่ ในช่วงนี้ต้องยอมรับว่า พระหลวงปู่แผ้ว ปวโร เป็นพระเหนียวที่มาแรง เพราะขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณด้านมหาอุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการเช่ากันครั้งละนับร้อยๆ องค์
พระเหนียวแห่งยุค
อาจารย์ราม วัชรประดิษฐ์ นักวิชาการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี บอกว่า พระดังในอดีตที่ขึ้นชื่อลือเลื่องในพุทธคุณด้านแคล้วคลาดยิงไม่เข้าฟันไม่ออก คงกระพันชาตรีนั้น ต้องยกให้พระเครื่องตระกูลยอดขุนพล ไม่ว่าจะเป็นพระร่วงหลังรางปืน พระหูยาน พระท่ากระดาน พระพุทธชินราชใบเสมา พระมเหศวร และพระยอดขุนพล กรุต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงในเรื่องความ "เหนียว" ทั้งสิ้น สังเกตให้ดี พระตระกูลนี้จะเป็นพระประเภทเนื้อ "ชิน" ซึ่งมีความหมายถึง "ชินะ หรือ ชนะ" บวกกับการผสมแร่โลหะอันมีคุณวิเศษต่างๆ ยิ่งทำให้เป็นที่เสาะแสวงหา
นอกจากนี้พระเครื่องที่ขึ้นชื่ออีกตระกูลหนึ่ง คือ พระสมเด็จทุกวัด ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ไม่ว่าจะเป็นวัดระฆังโฆสิตาราม วัดบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) วัดไชโยวรวิหาร หรือเกศไชโย นอกจากมีพุทธคุณครอบจักรวาลในฐานะจักรพรรดิแห่งพระเครื่องแล้ว ยังได้รับการร่ำลือถึงความแคล้วคลาดปลอดภัย เช่น เรื่องของ "ลุงพุฒิ" อันเป็นเจ้าของพระสมเด็จองค์งาม ที่เดิมเป็นของคุณฉลี ยงสุนทร ปัจจุบันอยู่กับ "รังใหญ่" คุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ (โป๊ยเสี่ย) กล่าวกันว่าลุงพุฒิแกขี้เมา พกพระสมเด็จฯ เดินไปเดินมา คนก็จ้องจะดักตีเอาพระ แต่ไม่เคยดักตีแกได้เลย ไม่ว่าแกจะเมาขนาดไหน
พระเครื่องอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงเรื่องเหนียว ได้แก่ พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ ทั้งเนื้อชินและเนื้อดิน มีเรื่องเล่าว่า ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พกพาติดตัวเป็นประจำ ทำให้รอดพ้นจากการลอบสังหารด้วยยาพิษ และอาวุธต่างๆ อย่างน่ามหัศจรรย์ และเป็นที่กล่าวขวัญในวงการนักเลง โดยเฉพาะเนื้อดินว่าสมัยก่อนคนจะทัดไว้กับใบหู มีนักโทษแหกเรือนจำแย่งปืนจากผู้คุมแล้วรัวยิง ปรากฏว่ากระสุนไม่ระคายผิวผู้คุมดังกล่าวแม้แต่นัดเดียว เรียกว่าเป็นของดีราคาถูก
ส่วนพระที่ทุกคนรู้จักกันดีในทางแคล้วคลาด ได้แก่พระของพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านทำไว้แจกชาวบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย เรียกว่าใครแขวนหลวงปู่ศุขไว้ไม่มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพาน ได้รับความนิยมทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากปากคลองมะขามเฒ่า จนถึงกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับพระเครื่ององค์สำคัญ พระวัดรังษี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งคณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.) ถึงขนาดสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงนิพนธ์ไว้ในของดีกรุงรัตนโกสินทร์ว่า "ผู้ใดมีพระวัดรังสี ผู้นั้นชีวีไม่วางวาย"
"ยิ่งเป็นช่วงเลือกตั้งที่มีข่าวการลอบทำร้าย ส่งผลให้ตลาดพระเครื่องที่ขึ้นชื่อว่าพุทธคุณเหนียว มหาอุด และคงกระพัน ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ยิ่งรุ่นไหนมีเรื่อเล่าของประสบการณ์มาก ความนิยมและค่านิยมก็มากเป็นเงาตามตัว"
0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู 0



